6 พฤศจิกายน 2550
สวัสดีครับชาว Blog และลูกศิษย์ อตก. ทุกท่าน จากการที่ผมได้มีโอกาสพาลูกศิษย์ อตก. ไปทัศนศึกษาดูงาน ณ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนผ่านมา บรรยากาศในวันนั้นดีมากและผมคิดว่าลูกศฺษย์คงจะได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างกลับไปประยุกต์ใช้กับการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่เราได้เรียนรู้ร่วมกันนั้นถือว่าเป็นช่วงที่เราได้สร้างทุนแห่งความสุข (Happiness Capital) ร่วมกัน ผมก็เลยมอบหมายให้ทีมงานเก็บภาพบรรยากาศในวันนั้นมาฝากครับ
จีระ หงส์ลดารมภ์
...................................................................
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ที่ผ่านมา ผู้เข้าอบรมโครงการพัฒนาทุนแห่งความสุขเพื่อการทำงานที่ทรงประสิทธิภาพของ อ.ต.ก. ได้เดินทางไปทัศนศึกษาดูงานที่บริษัท ริเวอร์ แคว อินเตอร์เนชั่นแนล ฟู๊ด จำกัดจังหวัดกาญจนบุรี โดยมี ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์เป็นผู้นำ และยังมีท่านรองผู้อำนวยการโอวาท อภิบาลภูวนาท และท่านรองผู้อำนวยการนารถฤดี ถนอมพฤฒิกุล ร่วมเป็นผู้สังเกตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย การเรียนรู้เริ่มขึ้นหลังรถเคลื่อนจาก อ.ต.ก. มุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี โดยให้ผู้เข้ารับการอบรมแต่ละท่านมาแนะนำตัวและหน่วยงาน จากนั้นเป็นการบูรณาการความรู้โดยท่าน ศ.ดร.จีระ และ ยังมีท่านรองฯโอวาท มาแสดงความคิดเห็นในแง่มุมต่างๆที่ในแก่ผู้เข้ารับอบรมอีกด้วย ซึ่งเป็นบรรยายกาศที่สนุกสนานและเป็นกันเอง หลังจากเดินทาง บริษัท ริเวอร์แคว อินเตอร์เนชั่นแนล ฟู๊ดส์ จำกัด ได้รับการต้อนรับจากอย่างดีจากคุณเรืองไร ศรีวิไล ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหาร โดยนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทมาทำเป็นอาหารว่างและเครื่องดื่ม จากนั้นคณะผู้เข้าอบรมได้รับฟังการเกี่ยวกับตัวบริษัทและผลิตภัณฑ์โดยคุณอรกมล อรรถธรรมสุนทร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และชมการทำไร่ผักผลไม้แบบปลอดสารพิษของบริษัทฯ บริษัท ริเวอร์ แคว อินเตอร์เนชั่นแนล ฟู๊ด จำกัด เป็นบริษัทส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ที่เปิดดำเนินการมาแล้วประมาณ 21 ปี โดยมีสินค้าหลักคือข้าวโพดหวาน ตลาดที่ส่งออกมาทีสุดคือ ยุโรป และยังมีเอเชีย ตะวันออกกลาง ออสเตรเลียด้วย ขณะนี้ได้มีการขยายตลาดในการส่งออกผักสดปลอดสารพิษและผลไม้สด โดยมากจะส่งไปที่ประเทศอังกฤษ ผักนั้นจะเน้นไปที่ข้าวโพดอ่อน หน่อฝรั่ง พริก ข่า ตะไคร้ ในส่วนของผลไม้จะเน้นตามฤดูกาล บริษัท เวอร์ แควฯ ยังใช้เทคโนโลยี ในการทำบรรจุภัณฑ์ที่อำนวยประโยชน์ในการใช้งานให้กับผู้บริโภคอีกด้วย เมื่อได้รับอาหารสมองกันเต็มอิ่มแล้วก็ต้องดูแลร่างกายด้วย คณะผู้เข้าอบรมได้แวะรับประทานอาหาร ที่ร้านอาหารริมน้ำ ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำแคว จากนั้นได้ออกเดินทางกลับแต่ก่อนกลับได้สักการะพระที่วัดถ้ำเสือเพื่อความเป็นสิริมงคล ตลอดระยะเวลาการเดินทางทัศนศึกษาในครั้งนี้ นอกจากเป็นการสร้างสนิทสนมกับผู้เข้าอบรมระหว่างชาว อ.ต.ก. เองและผู้เข้าร่วมที่เป็นเครือข่ายแล้ว ยังเป็นการความรู้ตามทฤษฎี 4 L’s ของท่าน ศ.ดร.จีระ คือ L ที่ 1 Learning Methodology คือวิธีการเรียนรู้L ที่ 2 Learning Environment คือการสร้างบรรยายกาศในการเรียนรู้L ที่ 3 Learning Opportunity คือการสร้างโอกาสในกาเรียนรู้L ที่ 4 Learning Community คือการสร้างชุมชนการเรียนรู้ ขอขอบคุณ <p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"> ทีมงาน Chira Academy</p> <p>บรรยากาศของ Bus Seminar ซึ่ง ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ทำหน้าที่เป็นโค้ช </p><p></p><p>บรรยากาศของการร่วมเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์จาก บริษัท ริเวอร์ แคว อินเตอร์เนชั่นแนล ฟู๊ด จำกัด </p><p></p><p></p><p> </p><p> </p><p></p><p>…………………………………………………………………………………………. </p><p>17 ตุลาคม 2550 </p><p> สวัสดีครับชาว Blog และลูกศิษย์ อตก. ทุกท่าน วันนี้ เป็นวันแรกของโครงการพัฒนาทุนแห่งความสุข ของ อตก. ครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดโครงการพัฒนาทุนแห่งความสุขของ อตก. ถึงแม้เป็นโครงการระยะสั้น แต่ผมขอชื่นชม ในวิสัยทัศน์ของผู้บริหารของ อตก.ที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาเรื่องทุนทางความสุข ควบคู่ไปกับทุนทางปัญญา </p><p> ส่วนที่ผมชื่นชมอีกเรื่องก็คือ ครั้งนี้ อตก. ได้เชิญหน่วยงานที่ทำงานร่วมกัน มารับการเรียนรู้ด้วย ครับ ถือได้ว่า อตก. นั้น เป็นองค์กรหนึ่งที่มองการณ์ไกล และเห็นความสำคัญของทุนทางด้าน Networking เพื่อมองถึงการทำงานร่วมกันในอนาคตครับและโครงการนี้ เกิดขึ้นได้ ผมต้องขอชื่นชม ลูกศิษย์ของผม จากโครงการพัฒนาผู้นำและผู้บริหารมืออาชีพของกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ครับ คุณณัฐวีย์ ชัยมาลา ที่สังกัดองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ซึ่งเมื่อเรียนรู้แล้ว เห็นว่าเป็นประโยชน์กับตัวเอง ก็ไปแนะนำให้กับองค์กรที่ทำงานอยู่ เพื่อให้มีโอกาสได้รับการเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ด้วยเช่นกัน จึงเกิดโครงการในครั้งนี้ขึ้น </p><p> อย่างไรก็ตาม ผมหวังว่าทั้ง 50 ท่าน ที่ได้รับการเรียนรู้นี้ จะสามารถขับเคลื่อนองค์กรของอตก. และพัฒนาประเทศ ให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยทุนแห่งความสุข จากปัญญา และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ครับ สุดท้ายนี้ ผมไม่อยากให้การเรียนรู้จบแต่เพียงในห้องเรียนเท่านั้น ผมอยากให้ทุกคนเมื่อเรียนจบแล้ว มีจิตวิญญาณในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และจะเป็นผู้จุดประกายองค์กรแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ปล. ผมขอให้ Blog นี้ เป็นสื่อกลางของช่องทางในการแสดงความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันครับ และสำหรับวันแรกนี้ ผมขอฝากการบ้านเป็นงานกลุ่มให้แต่ละกลุ่มร่วมแสดงความคิดเห็นว่า การเรียนในวันแรกนั้น ได้อะไรบ้าง และจะนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างไร โดยผมขอให้ทุกกลุ่มส่งมาใน Blog ก่อนวันที่ 25 ตุลาคม 2550 นี้ นะครับ </p><p align="left"> ภาพบรรยากาศโครงการพัฒนาทุนแห่งความสุขเพื่อการทำงานที่ทรงประสิทธิภาพ (Happiness Capital Development Program) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ณ ห้องบอลรูมC โรงแรมมารวยการ์เด้น วันพุธที่ 17 ตุลาคม 2550</p><p> </p><p> </p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p> </p><p> จีระ หงส์ลดารมภ์</p>
ขอส่งการบ้านอาจารย์ในนามกลุ่ม 5 ค่ะ
จากการได้เรียนรู้จากการอบรมและอ่านหนังสือ พบว่า คน เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามากกว่าทรัพย์ใด ๆ จึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน ซึ่งต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ การพัฒนาคน ไม่ได้จำกัดแต่การอบรมพียงอย่างเดียว แต่เป็นการให้ความรู้ ซึ่งในทุกองค์กรควรให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ และร่วมสร้างองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ และเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ในที่สุด ซึ่งมีให้เห็นในองค์กรชั้นนำของประเทศ เช่น บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด และยังได้พบความจริงที่ว่าผลตอบแทนของการทำงานไม่ใช่ความสำเร็จอย่างเดียวแต่ต้องมีความสุขด้วย
ในส่วนตัวแล้วยินดีมาก ๆ ที่มีโอกาสได้เข้าอบรมครั้งนี้ และอยากให้บุคลากรของ สศก. ได้เข้าอบรมเช่นนี้บ้าง เพราะต้องการเปลี่ยนความคิดของนักวิชาการที่เห็นว่าการเข้าอบรมที่ไม่ใช่เรื่องวิชาการและไม่เกี่ยวกับงานของตัวเองเป็นเรื่องเสียเวลา ..
กลุ่มที่ 4 : ขอส่งการบ้านครั้งที่ 1
1) การเรียนวันแรก จะได้ประสบการณ์และแนวคิด ดังนี้ - คนเป็นกุญแจที่สำคัญที่สุดต่อความสำเร็จขององค์กร - คนมีกับดักทางความคิด หากจะพัฒนาคนต้องแก้ไขด้วยการปรับให้มีทัศนคติทางบวกก่อน - ทัศนคติทางบวก จะทำให้คนมีความสุขในการทำงาน และกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเอง - พันธมิตร หรือเพื่อน จะช่วยให้งานประสบความสำเร็จได้ง่าย - ผู้นำที่ดีต้องมีวิสัยทัศน์ จริยธรรม และการตัดสินใจที่สร้าง win-win2) สิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ในวันแรกสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ 2 มิติ ดังนี้ 2.1) มิติด้านคน : เมื่อคนมีทัศนคติที่ดีและมีความกระตือรือร้น ย่อมมีพฤติกรรมทางบวก ซึ่งจะเอื้อต่อการทำงานเป็นทีม ทั้งจะกระตุ้นให้มีการแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเอง (มูลค่าเพิ่ม : ประสบความสำเร็จและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง / คนมีความสุข) 2.1) มิติด้านองค์กร : องค์กรที่ประกอบด้วยคนที่มีทัศนคติที่ดีและมีสมรรถนะสูง ย่อมสามารถขับเคลื่อนภารกิจขององค์กรให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน และเป็นองค์กรที่ทรงคุณค่าของสังคม ทั้งสามารถช่วยเหลือเกษตรกรให้มีความผาสุกได้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ( มูลค่าเพิ่ม : วัฒนธรรมการเรียนรู้ / องค์กรและเกษตรกร ประสบความสำเร็จด้วยกัน) ด้วยความเคารพ กลุ่ม 4จากการเข้ารับการอบรมขอสรุปรวมว่า การที่สถาบันใดๆหรือหน่วยงานหนึ่งจะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยบุคคลากรในหน่วยงานนั้นๆเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งหากบุคคลากรที่เป็นตัวจักรได้รับการพัฒนาแนวความคิดใหม่ๆตลอดเวลาและสามารถนำแนวคิดที่ได้รับมาปรับใช้ให้เข้ากับงานที่รับผิดชอบ น่าจะส่งผลดีต่องานส่วนรวม นอกจากแนวความคิดใหม่ต่อระบบงานแล้ว การพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับทัศนคติต่อเพื่อนร่วมงานก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะมีผลต่องานส่วนรวม หากผู้ที่เป็นผู้นำมีแนวคิด ทัศนคติ ความเชื่อมั่นที่ดีต่อเพื่อนร่วมงานแล้วถึงแม้ว่างานจะยากอย่างไร ความเข้าใจ ความร่วมมือในการปฏิบัติงานของผู้ร่วมงานจะผลักดันให้งานผ่านอุปสรรคไปได้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความสุขในการดำเนินงาน
โครงการพัฒนาทุนแห่งความสุขเพื่อการทำงานที่ทรงประสิทธิภาพ ระหว่างวันที่ 17 ต.ค. - 9 พ.ย.2550
* หัวข้อ การเรียนในวันที่ 17 ต.ค. 2550 ได้อะไรบ้าง *รายชื่อ ผู้แทนรับการอบรม กลุ่มที่ 1
1. กลุ่มพนักงาน อ.ต.ก. นางปริศนา สุนทรวราภาส ,นางสาวเตือนใจ หล่อพัฒนากูร นางพรจันทร์ สายทะโชติ,นายณรงค์ คุ้มภัยเพื่อน,นางจันทนา รัตนปัญญา นางกาญจนา ฉลาดธัญญกิจ
2. กลุ่มหน่วยงานเครือข่ายต่าง ๆ นางสาวพรรณี ศุภนิมิตกุล สำนักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี่ กรมส่งเสริมการเกษตร ,นส.เมธี ปัญญา ฝ่ายบริหารงานบุคคล การรถไฟแห่งประเทศไ
*หัวข้อการอบรมในวันที่ 17 ต.ค. 50
แนะนำทฤษฏีสำคัญของการเรียนรู้ , ภาวะผู้นำในยุคที่โลกเปลี่ยน , การบริหารความขัดแย้ง , การคิดสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนา
ในวันที่ 17 ต.ค. 2550 จากหัวข้อการอบรมดังกล่าวข้างต้น ประเด็นสำคัญทำให้มีการปรับเปลี่ยนแนวคิดและทัศนคติ โดยเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาตนเอง และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัฒน์ และนำมาปรับปรุงแนวคิดด้านการทำงาน ให้สอดคล้องกับกระแสโลกาภิวัฒน์ในเรื่องนั้น ๆ ได้อย่างเหมาะสม สำหรับการคิดสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนา เป็นอีกมุมมองที่สำรวจตนเองแล้วเห็นว่าการคิดในทางบวกทำให้การปรับตัวในการร่วมทำงานเป็นทีมได้อย่างมีความสุข ส่งผลให้งานที่ผลิตมีประสิทธิภาพ
ทั้งน้ การเรียนรู้ การรู้คิด ที่ได้รับจะสามารถนำไปแบ่งปันให้ทีมงานเพื่อผลลัพท์ คือ งานสำเร็จตามเป้าหมายและทีมงานมีความสุข
ผมต้องขอขอบคุณสำหรับท่านที่ได้ส่งการบ้านมาทาง Blog แต่ก็ต้องพยายามส่งกันให้มากขึ้น ผมกำลังจะเดินทางไปลิเบียในเย็นวันนี้หลังจากกลับมาแล้วผมคงประสบการณ์มาเล่าให้ท่านฟัง ซึ่งผมกลับมาทันมาร่วมเดินทางไปทัศนศึกษาดูงานที่กาญจนบุรีกับท่านด้วย จริงๆแล้วเวลาที่อยู่ร่วมกันค่อนข้างน้อย ผมจึงอยากให้ทุกท่านพยายามปรับพฤติกรรมตัวเองและสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งการพัฒนาทุนทางความสุขให้ทั้งตัวของท่านเองและ อตก. ด้วยครับ
ขอบคุณครับ
จีระ หงส์ลดารมภ์
กลุ่ม 5 ขอส่งความคิดเห็นเพิ่มเติมค่ะ
จากการอบรมพบว่าคนเป้นทรัพยากรที่มีคุณค่ามากกว่าทรัพย์สินใด ๆ จึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน ซึ่งต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสมำเสมอ การพัฒนาไม่ได้จำกัดแต่การอบรมเพียงอย่างเดียวแต่เป็นการให้ความรู้ ซึ่งในทุกองค์กรควรให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และร่วมกันสร้างองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ และเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ในที่สุด ซึ่งมีให้เห็นในองค์กรชั้นนำของประเทศ ดังนั้นองค์กรจึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาวิชาการ ความรู้ จิตใจรวมทั้งสร้างความสุขในการทำงานด้วยการฝึกฝนให้คิดในแง่บวกและการขจัดความขัดแย้งในที่ทำงาน
การบริหารความขัดแย้ง เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยให้ชีวิตดำรงอยู่อย่างมีความสุข ในการทำงาน ซึ่งความขัดแย้งในการทำงานอาจเป็นความขัดแย้งแบบส่วนรวม ความขัดแย้งลักษณะนี้ ถือเป็นสิ่งที่ดี ผู้นำต้องกระตุ้นให้เกิดขึ้นในส่วนงานในองค์กรเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดความคิดเห็น ที่หลากหลาย เกิดการแลกเปลี่ยนมุมมอง อันจะก่อประโยชน์แก่ส่วนงานและองค์กร อีกประเภทหนึ่ง เป็นความขัดแย้งแบบส่วนตัว ความขัดแย้งลักษณะนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่ดีเนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างบุคคล แต่อาจส่งผลต่อส่วนงานและองค์กรได้ เพื่อให้ชัดเจนอาจแบ่งความขัดแย้งเป็น 3 รูปแบบคือ 1. ความขัดแย้งระหว่างบุคคลกับบุคคล เกิดจากความริษยา เอารัดเอาเปรียบ ซึ่งกันและกัน เป็นลักษณะความขัดแย้งที่ไม่ดีอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนรวมได้ ผู้นำต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น หากเ กิดขึ้นแล้วการแก้ไขปัญหาเป็นเรื่องยากมากกว่า 2. ความขัดแย้งระหว่างบุคคลกับองค์กร เกิดจากความไม่เข้าใจ ในภารกิจต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย ผู้นำต้องแสดงบทบาทโฆษกทำความเข้าใจ ชี้แจง สื่อสารให้เกิดควาเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันระหว่างบุคลากรกับองค์กร 3. ความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานกับหน่วยงาน เกิดจากความไม่เข้าใจในบทบาท หน้าที่ของหน่วยงาน และบทบาทของตนเอง ผู้นำต้องตระหนักในหน้าที่ของตนเองและต้องพร้อมที่จะร่วมมือในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากส่วนงานอื่นในองค์กร เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีแก่องค์กรโดยภาพรวม เมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้นในส่วนงาน ผู้นำจำเป็นต้องบริหารจัดการความขัดแย้งนั้นให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนงาน องค์กรให้มากที่สุดไม่ปล่อยให้ความขัดแยงเกิดขึ้นตามธรรมชาติเนื่องจากอาจเกิดความเสียหายแก่องค์กรโดยรวม
ดังนั้น เพื่อให้พวกเราได้พัฒนาทุนแห่งความสุขเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ โดยการนำเครื่องมือต่างๆข้างต้นมาประยุกต์ใช้ในชีวิตการทำงาน อีกทั้งการที่เราได้มีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง อาจจะทำให้พวกเรามีความสุขทั้งชีวิตการทำงานให้มากขึ้น ตลอดจนถึงชีวิตครอบครัว อีกทั้งสร้างสภาพแวดล้อมของตนเองให้มีความสุขและผู้คนอื่นๆรอบข้างให้มีความสุขไปด้วย สังคมก็จะมีความสุขตรงตามเจตนารมย์ของการเข้าอบรม
กลุ่ม 6 รายชื่อดังนี้
1. น.ส.นุชนาถ ปรีชาชนะชัย ผู้บริหารทีมสวัสดิการ กองสวัสดิการและแรงงานสัมพันธ์ ธ.กส.
2. น.ส.ธัญลักษ์ เจริญปรุ หัวหน้ากองทรัพยากรบุคคล อ.ต.ก.
3. นายชัยพงศ์ สุขพันธุ์ ผู้จัดการ อ.ต.ก.เขต 6 อ.ต.ก. 4. นางคนึงสุข ชาญชัยเลิศ ผู้จัดการสำนักงานตลาดกลาง อ.ต.ก.
5. นายประกอบ รัตนภักดี หัวหน้าแผนกอำนวยการ สนง. อ.ต.ก.เขต 7
6. นางอรวรรณ จันทร์เจริญ หัวหน้าแผนกตรวจจ่าย อ.ต.ก.
จากการเรียนรู้โดยการฟังการบรรยายจากอาจารย์ทั้ง 3 ท่าน สามารถสรุปได้ดังนี้
ภาวะผู้นำในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลง จะต้องมีการเรียนรู้วิทยาการใหม่ๆ ให้มีความรู้ความสามารถอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อสร้างมุมมองและแนวคิดสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนา เพื่อเรียนรู้การทำงานเป็นทีม เพื่อรู้จักการบริหารความขัดแย้ง บนพื้นฐานของความสุขแห่งการทำงาน เพื่อความสำเร็จตามเป้าหมายขององค์กรและบุคลากรขององค์กรเอง
กลุ่ม 6 ขอเพิ่มชื่อสมาชิกอีก 1 ท่านคือ
นางวราภรณ์ วงษ์สถิตย์ หัวหน้าแผนกงบประมาณ
อ.ต.ก.
สำหรับข้าพเจ้าที่เข้ารับการสัมมนา ต้องกลับมาพิจารณาว่า ตนเองเป็นอย่างไรมีความรู้ความสามารถเฉพาะเรื่องหรือความสามารถด้านอื่น ๆ หรือไม่ มีความเข้าใจและมีมุมมองเพื่อนร่วมงานอย่างไร เพื่อจะได้ทำให้ตนเองและครอบครัวมีความสุขและมีความสุขอยู่กับงานและเพือ่นร่วมงานตลอดไป
พวกเราได้แนวคิดและทักษะจากการสัมมนาวันที่ 1 , 2 พ.ย. 2550 ดังนี้
1) ทัศนศึกษา : ได้แง่คิดเกี่ยวกับการประสบความสำเร็จของภาคเอกชน
ที่เกิดจากการมีเป้าหมายที่ชัดเจนและมีความมุ่งมั่นที่จะเข้าสู่เป้าหมาย
ด้วยการเน้นด้านคุณภาพ ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีปฏิสัมพันธ์กับพันธมิตรแบบ WIN - WIN
2) E.Q. : ให้ทักษะในการรู้จักตนเองอย่างลึกซึ้ง การบริหารอารมณ์
รู้จักการปล่อยวาง อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ และการฝึกตนเองให้มี
E.Q. สูงขึ้น
3) TEAMWORK : ให้ประสบการณ์ในการลดอัตตาของตนเอง การบูรณาการความคิดเป็นหนึ่งเดียว และความสุขจากการทำกิจกรรมร่วมกัน4) 7 HABITS : ให้แง่คิด…(4.1) คนต้องมีความเห็นที่ถูกต้องเหมาะสม หรือได้รับการปลูกฝังทัศนคติที่ดีก่อน จึงจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นเชิงบวก(4.2) 7 HABITS ช่วยพัฒนาคนจาก “ พึ่งพาคนอื่น ” è “ พึ่งพาตนเอง ” è “ ให้ความร่วมมือ ” อันจะก่อให้เกิดความสมดุล มั่นคง และยั่งยืน ในการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับ “ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ”(4.3) 7 HABITS เป็นคุณลักษณะที่จะช่วยให้คนประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน โดยเริ่มจากการพัฒนาตนเองให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ก่อนซึ่งในสังคมไทยก็มีการสอนในเรื่องนี้มานานแล้ว แต่พวกเรามักมองข้ามไปหลักการนี้คือ “ อิทธิบาท 4 ” : (ธรรมอันเป็นเหตุแห่งความสำเร็จ)ของพระพุทธเจ้า ซึ่งสรุปโดยสังเขป ดังนี้- รักที่จะทำ - ขยันที่จะทำ - ใส่ใจในสิ่งที่ทำ- หมั่นไตร่ตรองในสิ่งที่ทำ5) คุณค่าที่ได้รับ จากการสัมมนา 2 วัน : - E.Q. สูงขึ้น / โลกทัศน์เปิดกว้าง / ขยายเครือข่ายแหล่งความรู้ 6) สมาชิกกลุ่ม :ทรงวุฒิ เอียดเอื้อ , อวยชัย สุขสะอาด , ศักดิ์ชัย อินทโสตถิสมพร อธิคุณากร , นเรศวร์ สงสำเภา , สุทธิพงษ์ ขำนิลจรัญญา ลำไย ( มกอช. )กลุ่ม 41.จิตวิทยาผู้นำกับความฉลาดทางอารมณ์
ผู้นำต้องสามารถตระหนักรู้อารมณ์ของตนเองและต้องมีสติในการบริหาร อารมณ์ของตนเอง และผู้อื่น สามารถจูงใจตนเองและผู้อื่น มีความเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น และสามารถสือสารได้ผลทางบวกกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาแต่วิธีการมองปัญหานั้นทำให้เกิดปัญหา จึงต้องฝึกมองในทางสร้างสรร
2. การสร้างและบริหารทีมเพื่อประสิทธิภาพ
ผู้นำทีม ควรมีความรู้ความสามารถ เพื่อให้ทีมงานมีความไว้เนื้อเชื่อใจ ยอมรับ เห็นอกเห็นใจและเต็มใจที่จะทำงานร่วมกัน
3. 7 Habits
คนที่จะประสบความสำเร็จและมีความสุขในชีวิตอย่างแท้จริง จะต้องเริ่มมาจากการปลูกฝังนิสัยที่ถูกต้องให้กับตนเองก่อน นิสัยหมายถึงความคิด ความเชื่อ ที่จะเป็นกรอบในการมองโลกและกำหนดพฤติกรรม และจะเป็นความสำเร็จที่แท้จริงและยั่งยืน จะต้องเปลี่ยนแปลงมาจากภายในของคน ๆ นั้น จนมีความคิดความเชื่อในหลักการนั้นจริง ๆ โดยให้ยึดมั่นในหลักการ คือ ความยุติธรรม ความซื่อสัตย์ ความอดทน ความกล้าหาญ และความเสียสละ ทั้งนี้ 7 Habits ในกลุ่มแรก (นิสัย 1-3)เป็นไปในลักษณะชนะใจตนเอง คือการกระทำเกิดจากการเลือกของตนเอง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักการหรือคุณค่ามากกว่าจะเป็นผลมาจากเงื่อนไขหรือความรู้สึก และเราจะทำอะไรสำเร็จจะต้องมีการตั้งเป้าหมายภายในใจอย่างชัดเจนและแน่นอน และทำในสิ่งที่ควรทำก่อนเสมอ กลุ่มต่อมา (นิสัย 4-6) เป็นไปในลักษณะชนะใจผู้อื่น ทุกฝ่ายรู้สึกดีกับการตัดสินใจและรู้สึกผูกพันในแผนการเพื่อที่จะให้บรรลุผลสำเร็จ และกลุ่มสุดท้าย (นิสัย 7) เราต้องรักษาและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา จากการอบรมทั้ง 3 หัวข้อทำให้รู้ว่า
การเป็นผู้นำนอกจากมีความรู้ความสามารถ เพื่อให้ทีมงานศรัทธายอมรับ และทำงานให้แล้ว การมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ การมองสถานการณ์ในทางสร้างสรร เป็นสิ่งสำคัญ และการจะประสบความสำเร็จและมีความสุขอย่างแท้จริง เราต้องเริ่มปลูกฝังนิสัยที่ถูกต้องให้กับตนเองก่อน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในของตัวเรา จนมีความคิด ความเชื่อ และยึดมั่นในหลักการนั้น ๆ จริง และเราควรจะยึดมั่นในหลักการว่าด้วยความยุติธรรม ความซื่อสัตย์ ความอดทน ความกล้าหาญ และความเสียสละ
สำหรับการไปดูงาน ณ. จังหวัดกาญจนบุรี มีประโยชน์ทำให้เห็นความก้าวหน้า ความสำเร็จของภาคเอกชน
จากการอบรมตามโครงการพัฒนาทุนแห่งความสุขเพื่อการทำงานที่ทรงประสิทธิภาพ (Happiness Capital Devlopment Program) ในวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2550 สรุปสาระสำคัญที่ได้รับ ดังนี้
* เยี่ยมชมบริษัท RK.1 อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับทราบการดำเนินงานของบริษัทฯผลิตอาหารส่งออกต่างประเทศ,ความก้าวหน้า ความพยายามในการติดต่อหาตลาดทั้งในเอเซีย ยุโรป ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ การจัดการฟาร์มในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม รู้สึกชื่นชมในการดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นอย่างยิ่ง
* คุณสมบัติที่ดีของผู้นำต้องมีจิตวิทยา การควบคุมอารมณ์ จิตใจ การสื่อสาร ความคิดริเริ่มสร้างสรร
มีความสามารถสร้างและบริหารทีมงานให้มีประสิทธิภาพการสร้างนิสัยที่ถูกต้องให้กับตนเอง มีความยุติธรรม ความซื่อสัตย์ ความอดทน ความกล้าหาญ รู้สึกเสียสละ ผู้นำที่ดีต้องกำหนดเป้าหมาย และดำเนินการให้บรรลุสู่ความสำเร็จตามแผนงานที่ได้ทำร่วมกันและร่วมมือร่วมใจของทุนคนในองค์กร การรู้จักคนและสันทัดในการใช้คน ดังนั้น ผู้นำจึงจำเป็นที่ต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
E.Q. ให้ทักษะในการเรียนรู้เรื่องการควบคุมอารมณ์ และความต้องการของตนเอง รู้จักเห็นใจผู้อื่น และมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเราในการทำงาน โดยเฉพาะการทำงานเป็นทีม และ เราสามารถปรับเปลี่ยน เรียนรู้ และพัฒนา E.Q. ให้สูงขึ้นได้
Team Building : การทำงานเป็นทีมจะประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องมีผู้นำ เพื่อนำทีมให้บรรลุเป้าหมาย เข้าใจคุณสมบัติของผู้นำเป็นอย่างไรและ การเข้าใจทีมงาน ผ่านกลยุทธ์ของวิทยากรในการฝึกทักษะจากการเล่นเกมส์
7 HABITS :เป็นการสร้างคุณลักษณะนิสัยที่ดีให้เกิดความไว้วางใจในตัวเองและนำไปสูความไว้วางใจต่อผู้อื่น ซึ่งจะทำให้เราทำงานสำเร็จได้โดยง่าย