"...พระพุทธศาสนาแห่งมวลมนุษยชาติ..."


"...พุทธศาสนา..."

"อะไรกันล่ะครับท่านทั้งหลาย ไหนๆก็เรียกร้องทั้งทีจะเอาประจำชาติเองหรือครับ ไม่น่าจะพอนะครับ น่าจะให้เป็นศาสนาประจำโลกไปเลย หรือไม่ก็ของจักรวาลไป น่าจะดีนะครับ มันดูยิ่งใหญ่ดีนะ"

พุทธศาสนาเป็นศาสนาของทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกวัฒนธรรม ทำไมจะต้องออกมาเรียกร้องให้มันวุ่นวายกันนักหนา

ถ้าหากกลัวว่า พุทธศาสนาจะล่มสลาย มันก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากพวกที่กระทำการอันนอกลู่นอกทางทั้งนั้น ทั้งยังมีคนหลับหูหลับตาไปบูชากราบไหว้กันอย่างหน้ามืดตามัวอีก อย่างนี้ไม่เรียกว่างมงายแล้วจะเรียกว่าอะไรดี งมไม่ขึ้นคงเหมาะกว่ากระมัง?
หลักศาสนาก็มีให้ศึกษากันอยู่โท่งๆ แต่กลับไม่ใส่ใจกัน สนใจอิทธิปาฏิหารย์บ้าๆบอๆ คิดว่ามันจะช่วยอะไรได้อย่างนั้นหรือ อวิชชาเหล่านั้น พระพุทธเจ้าทรงเคยสรรเสริญอย่างนั้นหรือ แม้แต่พระอรหันต์ที่แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ยังทรงตำหนิอย่างไม่ไว้หน้า แล้วนี่มันอะไรกัน?
พระสงฆ์ออกมาเดินขบวนนี่น่ะ พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนเอาไว้ในพระสูตรไหนกันมิทราบ มันเป็นกิจของสงฆ์อย่างนั้นหรือ จุดมุ่งหมายอันดับแรกๆของการออกบวช มันควรจะเป็นการสละละจากทางโลกมิใช่หรือ?
หลักคำสอนทั้งมวลแห่งองค์พระสัมมาสัมโพธิญาณ มันมิได้แทรกซึมลงสู่รอยหยักในสมองบ้างหรืออย่างไร ถ้าอย่างนั้นก็อย่าได้พร่ำบอกออกมาเลยว่าเป็นชาวพุทธ เสียปากเปล่าๆ
ชาวพุทธเองก็มีวิธีต่อสู้แบบชาวพุทธ ที่เป็นไปเพื่อความสงบ มิใช่เพื่อความวุ่นวาย ส่วนจะเป็นแบบไหนอย่างไรนั้น ชาวพุทธแท้ย่อมรู้อยู่แก่ใจดี เพราะเป็นผู้มีปัญญาอยู่แล้ว...
----------------------------------------------------------------------------
คำสำคัญ (Tags): #พุทธศาสนา
หมายเลขบันทึก: 138956เขียนเมื่อ 16 ตุลาคม 2007 08:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ลดโทสะลงนิด งานเขียนจะน่ารัก ขึ้นเยอะเลยครับ

ขอบคุณที่ทำให้ได้มองย้อนตัวเองตอนที่เริ่มเข้าสู่วงการใหม่ๆ

มาดูดีกว่า ว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และจะจบตรงไหน..

จุดเริ่มต้นของปัญหา เริ่มที่ 50-60 ปีที่แล้ว

ดาบหนึ่ง

มีเผด็จการทหารขึ้นมาปฏิวัติ และเปลี่ยนวันหยุด วันโกนวันพระ มาเป็นเสาร์อาทิตย์

หวังว่าจะโก้ดี.. แต่หารู้ไม่ว่าได้ทำลายวิถีชาวพุทธ ที่เขารักษามาตั้งแต่เป็นไทย หกเจ็ดร้อยปี จนแทบสูญสิ้น

เขาได้ทำลายสิ่งมีค่าที่สุดของชาวพุทธไป

นั่นคือจุดเริ่มของความเสื่อมที่มองเห็นชัดเจน

50 ปีผ่านไป จึงไม่แปลกที่ พระพุทธศาสนาถูกมองอย่างเหยียดว่าเป็นเรื่องของคนแก่

ดาบสอง

ต่อด้วย การแยก พระสงฆ์ที่เคยกุมการศึกษาของคนทั้งชาติออกจากกัน

พระไม่ได้สอน คนก็เสื่อม

พระว่างงาน ก็ไปเสก + สร้างวัตถุใหญ่ๆ สร้างอิฐสร้างปูน แข่งบุญ แข่งบารมี กลายเป็นพวกวัตถุนิยมไป

มิได้พัฒนาตนในฐานะผู้สอนอีกต่อไป

พุืทธบริษัทแยกจากกัน ก็พลอยเสื่อมทั้งสองด้าน ทั้งโลก ทั้งธรรม

ดาบสาม

ชนชั้นปกครอง นิยมส่งลูกเรียนโรงเรียนคริสต์ พอโตส่งไปเรียนเมืองนอก

กลับมาก็มากุมการศึกษาและบริหารบ้านเมือง ไม่เข้าใจและเหยียดศาสนาของตนเอง

วิชาพระพุทธศาสนา หน้าที่พลเมือง ถูกถอดออกจากระบบการศึกษา ทีละนิดๆ

จากวิชาบังคับ มีหลายคาบ

กลายเป็นวิชาเลือก มีน้อยคาบ

และจะไม่เหลือเป็นวิชาอีกต่อไป

เยาวชนของชาติ จึงเป็นอย่างที่เห็น

มีดาบ สี่ดาบห้าตามมาอีกนับไม่ถ้วน

ลัทธิต่างๆ แปลกๆ หรือพุทธเทียมๆแบบธรรมกาย จึง เฟื่องฟู

สื่อถูกฝ่ายไม่ดีเอาไปใช้จนหมดสิ้น

พลังความชั่วร้ายจึงขยาย กำทอนไม่จบสิ้น

ชาตินิยมแบบชั่วคราว หรือคลั่งชาติ คลั่งสี คลั่งข้าง แบ่งหมู่ แบ่งเหล่า จึงปะทุใกล้จุดแตกหัก

สถานการณ์ความเป็นชาติ ศาสนา ในตอนนี้แทบไม่เหลือ

อุปมาได้กับคนเป็นเอดส์ขั้นสุดท้าย ไร้ภูมิคุ้มกันใดๆ

คร่าวๆ แบบไม่ละเอียด ก็พอจะเห็นภาพชัดนะครับ

เห็นโจทย์ชัดแล้ว คงพอจะตระหนักตื่นรู้

และ...เตรียมขุดหลุมไว้รอฝัง

ทางแก้ ทางออก พอมีอยู่

ค้นปริศนาธรรมในพระมหาชนกนะครับ

คำตอบอยู่ในนั้น..

  • รับทราบครับ ด้วยความขอบพระคุณยิ่งในคำชี้แนะ
  • จงใจให้เป็นครับ แต่ถึงขนาดอ่อยเหยื่อขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ค่อยมีใครมากินเหยื่อเลย ก็คงต้องทำต่อไป แต่จะลดโทสะลงบ้างในบางเวลาที่ต้องการเชิญชวนครับ
  • บล็อกของผม นอกจากตัวหนังสือที่เรียงเป็นตับแล้ว ผมเล่นอย่างอื่นไม่เป็นครับ ไม่มีลูกเล่นอะไร บางทีมันก็ไม่จูงใจเอาเสียเลย แต่ก็ดีครับ ไม่เป็นที่สะดุดตา ผมก็สามารถสะกิดได้เต็มที่ ไม่มีอะไรต้องเสียครับ
  • เวลานี้เราไม่ได้อยู่แค่ปากเหวแล้ว แต่เราลงไปห้อยโหนเถาวัลย์อยู่ข้างเหวแล้วครับ รอวันที่เราจะได้ขึ้นมาหรือไม่ก็วันที่เถาวัลย์ขาด ด้วยความเป็นห่วงพระพุทธศาสนา(แบบส่งเดชในปัจจุบันนี้)จึงต้องสะกิดให้หนักครับ ไม่ได้หวังให้เกิดอารมย์ร่วมเลย แต่หวังให้ฉุกคิดแม้เพียงนิดหนึ่ง ก็นับว่าเป็นพระคุณแล้ว
  • วิธีการไม่สำคัญเท่าจุดหมายปลายทางที่จะไปถึง ขอเพียงเป็นวิธีการที่ดีเป็นที่พอยอมรับได้ก็ดี แต่สมัยนี้ไม่มีใครสนใจแล้วครับ น่าเศร้า

คงต้อง"มองตามจริง"

ตามจริง ที่ว่า คน กับ ความดีชั่ว แม้ประกอบอยู่ด้วยกัน แต่ก็เป็นคนละส่วน

ตามจริง ที่ว่า แก้ว กับ น้ำ แม้เราจะมองเห็นแก้วเปลี่ยนสี เมื่อใส่น้ำสีแดง นำ้สีดำ น้ำสีส้ม น้ำใส แต่ก็เป็นคนละส่วน

มองว่าคนก็คือคน ดีชั่วก็คือดีชั่ว คนดีก็เผลอทำชั่วได้ คนไม่ดีก็ยังกลับตัวได้

แม้เราจะต่างก็รักดีเกลียดชั่ว เราก็จะไม่สุดโต่งเกินไป

ที่สำคัญ อะไร เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ทำให้คนกลายเป็นคนดี คนไม่ดี

ทางออกก็อยู่ที่ ควบคุมปัจจัยเหล่านั้น

แต่มันไม่ง่าย เพราะมันซับซ้อน ยุ่งเหยิง ชนิดที่ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง ถ้าแก้ไม่ตรงจุด

และ...เหตุการณ์ มันล่วงเลยเกิน จุดที่จะแก้ไขแล้ว

คงต้องเปลี่ยนจากแก้เหตุการณ์ปัจจุบัน เป็น เตรียมการณ์สำหรับ ฝ่า กู้ ฟู ในอนาคต

และ... ควรตระหนักรู้ว่า คน มีศักยภาพพัฒนาตนเองให้เหนือดีชั่วได้

ด้วยการศึกษาที่แท้จริง

"ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย"

  • บางทีสิ่งที่เราเห็น ก็ไม่เป็นที่เข้าใจ บางทีสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเข้าใจ มันก็กลับตาลปัตรไปหมด บางครั้งจึงต้องหยุด เพราะไม่รู้ว่าเป็นเราเองที่ตามคนอื่นไม่ทัน หรือเป็นคนอื่นเองที่ตามไม่ทันเรา
  • คนเรามักไม่ยอมแยกเหตุปัจจัยออกจากกัน หากแต่มักเลือกมองแบบองค์รวม มันก็เลยกลายเป็นว่าทุกสิ่งที่เห็นเลวหมด
  • ถ้าเราสามารถแยกปลาแยกน้ำได้ ก็นับว่าประเสริฐนัก
  • ไม่มีเหตุปัจจัยอะไรที่ไม่เปลี่ยนแปลงครับ ต่อไปคงต้องออกแรงกันมากกว่านี้อีกแล้ว
  • ทรัพยากรบุคคลเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาประเทศครับ แต่วันนี้คงต้องเลือกให้มากกว่าที่เป็นอยู่ครับ ไม่อย่างนั้นเรื่องไม่จบเสียที
  • ด้วยความขอบพระคุณครับที่แวะมาเยี่ยมเยือน

วานนี้ติดตามพระอาจารย์ไปพบผู้ใหญ่สายการศึกษาที่รัฐสภา

ในฐานะลูกศิษย์ จึงนำไฟเสียงการสนทนามาฝาก..ครับ

 

ฝ่าวิกฤติการศึกษาไทยในสังคมโมหะภูมิ (33378.59 Kb) 
การศึกษาไทยในสังคมโมหะภูมิ เป็นตัวเร่งให้สังคมไทยล่มสลายเร็วขึ้น

เราจะฝ่าวิกฤติเหล่านี้ไปได้อย่างไร หากไม่แก้ที่ต้นเหตุคือการศึกษาของคนในชาติ ?

ทั้งหมดนี้ไม่สามารถเห็นผลได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน หรือตามนโยบายด่วนได้ของฝ่ายการเมือง

แต่ต้องใช้เวลาเป็น10ปี เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ให้หลุดพ้นจากภาวะของสังคมโมหะภูมิ และแน่นอนว่า ต้องใช้เลือดใหม่ล้างเลือดเก่า!!

 

หาก ครูและนักการศึกษา โชคดีที่ได้มีโอกาสฟัง ไฟล์นี้จบ ตลอด 2 ชั่วโมง ท่านจะเห็นว่า ภาพรวมของสังคมเราอยู่ในภาวะโมหะภูมิและวิกฤติเช่นไร?

..........................................................................................................................

พระ ราชาตรัสว่า "..เหตุการณ์ในวันนี้แสดงความจำเป็น นับแต่อุปราช จนถึงคนรักษาช้างรักษาม้า และนับจากคนรักษาม้าจนถึงอุปราช และโดยเฉพาะเหล่าอำมาตย์ ล้วนจาริกในโมหภูมิทั้งนั้น พวกนี้ขาดทั้งความรู้ทางวิชาการ ทั้งความรู้ทั่วไป คือความสำนึกธรรดา พวกนี้ไม่รู้แม้แต่ประโยชน์ส่วนตน พวกนี้ชอบผลมะม่วง แต่ก็ทำลายต้นมะม่วง " ความตอนหนึ่งจากพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก ...........................................................................................................................

 

ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย คือทางออก ทางรอดของประเทศชาติ ....ที่พระองค์ทรงชี้ทางด้วยปริศนาธรรม ในพระมหาชนก 

 

http://blog.palungjit.com/uploads/d/dhammav/4054.wma

 

แวะมาอ่านครับ

เป็นหนานก็จริงครับ

แต่คิดไม่ออกว่าควรจะอย่างไร

เหตุผลของแต่ละฝ่ายก๋น่าฟัง

  • ก็ถ้าหากผู้หลักผู้ใหญ่ที่นั่นเห็นความสำคัญของการศึกษาจริง มันก็คงดีนะครับ
  • แต่ว่า...มันจะเป็นจริงไปได้แค่ไหน นั่นแหละปัญหา
  • ปัญหาที่กำลังจะถูกมองข้ามไปอย่างไม่แยแส การศึกษาในบ้านเมืองนี้ไม่ใช่แค่ปีสองปี แต่สิ่งที่เห็นมันก็เป็นอย่างนั้นเอง
  • พยายามเอาใจช่วยครับ

 

  • สวัสดีนะครับ ท่านหนานเกียรติ ยินดีต้อนรับครับท่าน
  • เป็นอะไรก็ไม่เกี่ยงครับ ขอเพียงแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนกัน ก็ถือว่าเป็นพระคุณครับ
  • ใช้ตัวเองเป็นกรณีศึกษาครับ แล้วท่านก็จะรู้ได้ด้วยตัวของท่านเอง
  • ลองมองดูสภาวะที่แวดล้อมตัวท่านนั่นแหละครับ แล้วจะเข้าใจ
  • ด้วยความขอบพระคุณครับที่แวะมาทักทาย

อ่านแล้วเห็นด้วยกับ จขกท. ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท