ลดโทสะลงนิด งานเขียนจะน่ารัก ขึ้นเยอะเลยครับ
ขอบคุณที่ทำให้ได้มองย้อนตัวเองตอนที่เริ่มเข้าสู่วงการใหม่ๆ
มาดูดีกว่า ว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และจะจบตรงไหน..
จุดเริ่มต้นของปัญหา เริ่มที่ 50-60 ปีที่แล้ว
ดาบหนึ่ง
มีเผด็จการทหารขึ้นมาปฏิวัติ และเปลี่ยนวันหยุด วันโกนวันพระ มาเป็นเสาร์อาทิตย์
หวังว่าจะโก้ดี.. แต่หารู้ไม่ว่าได้ทำลายวิถีชาวพุทธ ที่เขารักษามาตั้งแต่เป็นไทย หกเจ็ดร้อยปี จนแทบสูญสิ้น
เขาได้ทำลายสิ่งมีค่าที่สุดของชาวพุทธไป
นั่นคือจุดเริ่มของความเสื่อมที่มองเห็นชัดเจน
50 ปีผ่านไป จึงไม่แปลกที่ พระพุทธศาสนาถูกมองอย่างเหยียดว่าเป็นเรื่องของคนแก่
ดาบสอง
ต่อด้วย การแยก พระสงฆ์ที่เคยกุมการศึกษาของคนทั้งชาติออกจากกัน
พระไม่ได้สอน คนก็เสื่อม
พระว่างงาน ก็ไปเสก + สร้างวัตถุใหญ่ๆ สร้างอิฐสร้างปูน แข่งบุญ แข่งบารมี กลายเป็นพวกวัตถุนิยมไป
มิได้พัฒนาตนในฐานะผู้สอนอีกต่อไป
พุืทธบริษัทแยกจากกัน ก็พลอยเสื่อมทั้งสองด้าน ทั้งโลก ทั้งธรรม
ดาบสาม
ชนชั้นปกครอง นิยมส่งลูกเรียนโรงเรียนคริสต์ พอโตส่งไปเรียนเมืองนอก
กลับมาก็มากุมการศึกษาและบริหารบ้านเมือง ไม่เข้าใจและเหยียดศาสนาของตนเอง
วิชาพระพุทธศาสนา หน้าที่พลเมือง ถูกถอดออกจากระบบการศึกษา ทีละนิดๆ
จากวิชาบังคับ มีหลายคาบ
กลายเป็นวิชาเลือก มีน้อยคาบ
และจะไม่เหลือเป็นวิชาอีกต่อไป
เยาวชนของชาติ จึงเป็นอย่างที่เห็น
มีดาบ สี่ดาบห้าตามมาอีกนับไม่ถ้วน
ลัทธิต่างๆ แปลกๆ หรือพุทธเทียมๆแบบธรรมกาย จึง เฟื่องฟู
สื่อถูกฝ่ายไม่ดีเอาไปใช้จนหมดสิ้น
พลังความชั่วร้ายจึงขยาย กำทอนไม่จบสิ้น
ชาตินิยมแบบชั่วคราว หรือคลั่งชาติ คลั่งสี คลั่งข้าง แบ่งหมู่ แบ่งเหล่า จึงปะทุใกล้จุดแตกหัก
สถานการณ์ความเป็นชาติ ศาสนา ในตอนนี้แทบไม่เหลือ
อุปมาได้กับคนเป็นเอดส์ขั้นสุดท้าย ไร้ภูมิคุ้มกันใดๆ
คร่าวๆ แบบไม่ละเอียด ก็พอจะเห็นภาพชัดนะครับ
เห็นโจทย์ชัดแล้ว คงพอจะตระหนักตื่นรู้
และ...เตรียมขุดหลุมไว้รอฝัง
ทางแก้ ทางออก พอมีอยู่
ค้นปริศนาธรรมในพระมหาชนกนะครับ
คำตอบอยู่ในนั้น..
คงต้อง"มองตามจริง"
ตามจริง ที่ว่า คน กับ ความดีชั่ว แม้ประกอบอยู่ด้วยกัน แต่ก็เป็นคนละส่วน
ตามจริง ที่ว่า แก้ว กับ น้ำ แม้เราจะมองเห็นแก้วเปลี่ยนสี เมื่อใส่น้ำสีแดง นำ้สีดำ น้ำสีส้ม น้ำใส แต่ก็เป็นคนละส่วน
มองว่าคนก็คือคน ดีชั่วก็คือดีชั่ว คนดีก็เผลอทำชั่วได้ คนไม่ดีก็ยังกลับตัวได้
แม้เราจะต่างก็รักดีเกลียดชั่ว เราก็จะไม่สุดโต่งเกินไป
ที่สำคัญ อะไร เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ทำให้คนกลายเป็นคนดี คนไม่ดี
ทางออกก็อยู่ที่ ควบคุมปัจจัยเหล่านั้น
แต่มันไม่ง่าย เพราะมันซับซ้อน ยุ่งเหยิง ชนิดที่ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง ถ้าแก้ไม่ตรงจุด
และ...เหตุการณ์ มันล่วงเลยเกิน จุดที่จะแก้ไขแล้ว
คงต้องเปลี่ยนจากแก้เหตุการณ์ปัจจุบัน เป็น เตรียมการณ์สำหรับ ฝ่า กู้ ฟู ในอนาคต
และ... ควรตระหนักรู้ว่า คน มีศักยภาพพัฒนาตนเองให้เหนือดีชั่วได้
ด้วยการศึกษาที่แท้จริง
"ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย"
วานนี้ติดตามพระอาจารย์ไปพบผู้ใหญ่สายการศึกษาที่รัฐสภา
ในฐานะลูกศิษย์ จึงนำไฟเสียงการสนทนามาฝาก..ครับ
ฝ่าวิกฤติการศึกษาไทยในสังคมโมหะภูมิ (33378.59 Kb) เราจะฝ่าวิกฤติเหล่านี้ไปได้อย่างไร หากไม่แก้ที่ต้นเหตุคือการศึกษาของคนในชาติ ? ทั้งหมดนี้ไม่สามารถเห็นผลได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน หรือตามนโยบายด่วนได้ของฝ่ายการเมือง แต่ต้องใช้เวลาเป็น10ปี เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ให้หลุดพ้นจากภาวะของสังคมโมหะภูมิ และแน่นอนว่า ต้องใช้เลือดใหม่ล้างเลือดเก่า!!
หาก ครูและนักการศึกษา โชคดีที่ได้มีโอกาสฟัง ไฟล์นี้จบ ตลอด 2 ชั่วโมง ท่านจะเห็นว่า ภาพรวมของสังคมเราอยู่ในภาวะโมหะภูมิและวิกฤติเช่นไร? .......................................................................................................................... พระ ราชาตรัสว่า "..เหตุการณ์ในวันนี้แสดงความจำเป็น นับแต่อุปราช จนถึงคนรักษาช้างรักษาม้า และนับจากคนรักษาม้าจนถึงอุปราช และโดยเฉพาะเหล่าอำมาตย์ ล้วนจาริกในโมหภูมิทั้งนั้น พวกนี้ขาดทั้งความรู้ทางวิชาการ ทั้งความรู้ทั่วไป คือความสำนึกธรรดา พวกนี้ไม่รู้แม้แต่ประโยชน์ส่วนตน พวกนี้ชอบผลมะม่วง แต่ก็ทำลายต้นมะม่วง " ความตอนหนึ่งจากพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก ...........................................................................................................................
ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย คือทางออก ทางรอดของประเทศชาติ ....ที่พระองค์ทรงชี้ทางด้วยปริศนาธรรม ในพระมหาชนก |
http://blog.palungjit.com/uploads/d/dhammav/4054.wma
แวะมาอ่านครับ
เป็นหนานก็จริงครับ
แต่คิดไม่ออกว่าควรจะอย่างไร
เหตุผลของแต่ละฝ่ายก๋น่าฟัง
อ่านแล้วเห็นด้วยกับ จขกท. ครับ