ผู้เขียนใฝ่ฝันถึงรูปแบบของการศึกษาในยุคโลกาภิวัตน์ ที่ได้นำระบบเทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสาร ทำให้สภาพการให้บริการการศึกษามีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลดข้อจำกัดต่าง ๆ ไปได้หลายอย่างเช่น
1 ลดข้อจำกัดทางด้านระยะทาง คือ สามารถกระจายการจัดการศึกษาเข้าสู่พื้นที่ ต่าง ๆ ในระดับจังหวัด และระดับอำเภอได้ โดยเปิดสอนแบบออนไลน์ให้ประชาชนได้ศึกษาเล่าเรียน ผ่านอินเตอร์เน็ต และใช้ระบบการเรียนการสอนทางไกลด้วยวีดีโอคอนเฟอร์เรน ส่งมายังห้องเรียนเครือข่าย ซึ่งทำให้เหมือนห้องเรียนจริงตามจุดต่าง ๆ ในพื้นที่ต่างจังหวัด
2 ลดข้อจำกัดในเรื่องเวลา คือ สามารถใช้บริการแบบ 24x7 (บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 7 วัน) ทำให้นักเรียนนักศึกษาสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดเวลา การนำระบบห้องสมุดเสมือน (Visual Library) มาใช้ ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ระบบอิเลคทรอนิคส์มาใช้ในห้องสมุดในการสืบค้น หาข้อมูล เพื่อเพิ่มความรวดเร็ว (E-Library) และมีข้อมูลหาได้ตลอดเวลาผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
3 ลดข้อจำกัดในเรื่องบุคลากร อาคารสถานที่ คือ เมื่อใช้ระบบคอมพิวเตอร์ มาจัดการ จะทำให้แก้ปัญหาด้านการขาดแคลนบุคลากร ไม่ต้องลงทุนด้านอาคารสถานที่ ที่มีต้นทุนในการก่อสร้างสูง ทำให้การจัดการศึกษาสามารถรองรับจำนวนนักเรียน นิสิตนักศึกษาได้เพิ่มมากขึ้น
จากการลดข้อจำกัดต่าง ๆ โดยเทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสาร ทำให้การบริหารจัดการทางด้านการศึกษา ผ่านอุปสรรคต่าง ๆที่เป็นปัญหามาได้อย่างรวดเร็ว โดยทำให้ต้นทุนด้านต่าง ๆ ต่ำลง แต่มีมุมมอง ที่กลัวฝันจะไม่เป็นจริง ซึ่งมีเรื่องที่น่าเป็นห่วงและน่าห่วงใยเป็นอย่างมากหลายอย่าง สำหรับการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบการศึกษา คือ
1 ทำให้การจัดการศึกษาที่เป็นเรื่องของการให้บริการประชาชนเป็นการสร้างคนให้เป็นคนดี เป็นการให้ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ที่จะพัฒนาคน เป็นการทำที่ไม่หวังกำไรเป็นตัวเงิน แต่หวังให้ได้คนดีมาช่วยพัฒนาชาติ กลับกลายมาเป็นขณะนี้ เป็น “การจัดการศึกษาเป็นธุรกิจการศึกษา” โดยระดมสื่ออิเลคทรอนิคส์ประเภทต่าง ๆ ระบบอิเลคทรอนิคส์ประเภทต่าง ๆเข้ามาใช้จัดการการศึกษา เพื่อให้ได้นักเรียน นักศึกษามาก ๆ เพื่อจะให้ได้เงินจากเด็กมาก ๆ เช่นกัน โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของผลผลิตที่ออกมา โดยเฉพาะในสถานศึกษาของภาคเอกชน และของการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาของรัฐ บางแห่ง
2 ความใกล้ชิดระหว่างครูกับศิษย์ในทุกระดับการศึกษาเสื่อมทรามลง เพราะมีสื่ออิเลคทรอนิคส์เป็นตัวแทรกระหว่างครูกับศิษย์ ครูที่มีประสบการณ์ ครูที่มีวิญญาณของความรัก ของการมีคุณธรรม ไม่สามารถแก้ไขสอดแทรกชี้นำเด็กได้ เพราะเด็กจะศรัทธา และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี ที่ให้ความรวดเร็ว และเรียนใช้ได้ตลอดเวลา ทำให้เด็กแข็งกระด้างมากขึ้น
3 เด็กขาดด้านสังคมมิติ เด็กขาดเพื่อน เด็กเห็นแก่ตัวมากขึ้น ไม่มีความเอื้อเฟื้อต่อกัน เนื่องจากทุกอย่างเรียนคนเดียวก็ได้ หาข้อมูลคนเดียวก็ได้ ไม่ต้องปรึกษาใครก็ได้ จะทำให้อนาคตของเด็กที่เป็นเยาวชนของชาติที่ผ่านการเรียนการหาความรู้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพากันจะไม่รักกัน จะไม่สามัคคีกัน จะเป็นคนที่ขาดเหตุผลและเห็นแก่ตัวมากขึ้น
4 ผู้ปกครองจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเรียนของลูกเพิ่มขึ้น ในด้านความต้องการของลูกในเรื่องค่าบริการการใช้สื่ออิเลคทรอนิคส์ การทำเอกสารรายงานต่าง ๆ ที่ต้องใช้ระบบอิเลคทรอนิคส์ ที่อาจารย์แนะนำ
5 ช่องว่างระหว่างลูกของคนรวยกับลูกของคนจน จะห่างมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของทั้ง 2 ฝ่าย และโอกาสที่ลูกของคนจนจะได้ใช้สื่ออิเลคทรอนิคส์ ก็ต่างกับลูกของคนรวย
6 ทักษะการเขียน การฟัง การพูด การใช้ภาษาไทย จะแย่ลง เพราะไม่ได้พูด ไม่ได้อ่าน ไม่ได้เขียน กระทำเพียงมือทำแล้ว ก็อปปี้ออกมาอย่างเดียว
7 เด็กเข้าเรียนในแต่ละสถานศึกษามีจำนวนมากเกินที่จะมีครูคอยดูแล และสถานศึกษาบางแห่งที่เน้นการใช้ระบบอิเลคทรอนิคส์มาจัดการทุกขั้นตอน ทำให้เด็กมีปัญหามากขึ้น และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กส่วนใหญ่ก็จะแย่ลงไปด้วย
8 เด็กใช้ เทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสาร เกินความจำเป็น เช่น การเล่นเกมส์ การเข้าสู่ข้อมูลการติดต่อสื่อสารที่เป็นพิษเป็นภัยกับตัวเองมากขึ้น ส่งผลให้ระบบครอบครัว สังคม อยู่ในภาวะวิบัติ เพราะเด็กส่วนใหญ่นี้ไม่มีภูมิคุ้มกัน เรียนแย่ลง มีปัญหาครอบครัวมากขึ้น อยากลองอยากรู้โดยไม่มีข้อจำกัด
ปัญหาที่ผู้เขียนถ่ายทอดไว้ในประเด็นต่าง ๆ คงจะต้องให้ผู้ที่มีอำนาจทางการศึกษา และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นครู ผู้ปกครอง และชุมชน คงจะต้องมาช่วยกันเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ลดน้อยลงต่อไปสวัสดีครับ อาจารย์
ขอบคุณครับ
ขอบคุณค่ะ อาจารย์
ที่แวะเข้ามาชม
น่าสนใจมาก แขนงวิชานี้ยังเป็นเรื่องใหม่ เพราะจบตรีด้านศิลปศาสตร์ภาษาฝรั่งเศสมา แต่มาต่อโท ด้านการจัดการศึกษา อย่างไรก็ตาม ต้องขอความกรุณารบกวนช่วยแนะนำด้วย