โอม
“โอม” เป็นคำที่กล่าวเพื่อชุมนุมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพยดาอารักษ์ ให้คอยปกปักรักษา ทั้งในศาสนาพุทธ และศาสนาฮินดู ถ้าเอ่ยคำนี้ขึ้นมาเมื่อใดก็จะเกิดสิริมงคลแก่ตนเอง
คำว่า “โอม” เป็นคำสันสกฤต มาจากคำ 3 คำ คือ “อ” “อุ” “ม” ออกเสียงว่า อะ อุ มะ สนธิกันก็เลยออกมาเป็นคำว่า “โอม” (อะ สนธิ อุ เป็น โอ แล้ว โอ ไปสมาสกับ มะ เป็น โอม)ในศาสนาฮินดู เชื่อว่าเป็นชื่อย่อของตรีมูรติ คือพระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม “อ” หมายถึงพระศิวะ “อุ” หมายถึงพระวิษณุ และ “ม” หมายถึงพระพรหม (คงมาจากตัวอักษรหรือสระที่อยู่ท้ายของแต่ละคำ... “อะ” ก็พระศิวะ “อุ” ก็วิษณุ และ “ม” ก็พระพรหม) ในศาสนาพุทธได้เลียนมาเป็นพระรัตนตรัยได้อย่างลงตัวและมีความหมาย นั่นคือ “อ”หมายถึง อะระหัง หรือ พระพุทธเจ้า “อุ” หมายถึง อุตตมะธัมมัง หรือพระธรรม และ “ม” หมายถึง มหาสังฆะ หรือ พระสงฆ์
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สวัสดีครับคุณครูสุนันท์
คำว่า โอม จะเป็นคำที่ทันสมัยแห่งยุคเลยนะครับ เพราะมีการสร้างวัตถุมงคลกันมาก...หากมองเรื่องความเชื่อ ก็เฉพาะตัว วัตถุมงคลที่ผลิตกันนั้น ต้นทุนไม่กี่บาท แต่เวลาปล่อยให้บูชา ปั่นราคาน่าดู ครั้นบูชาไว้แล้วต้องการปล่อย ราคาที่เคยบูชา กลับขาดทุน บางทีหาว่าปลอมอีก..