วันนี้ เข้าไปประชุมที่จังหวัด ...ขากลับแวะเข้าไปทักทาย ลูกชายนายหอยโข่งที่บ้านแป๊บนึง เสร็จแล้วก็กลับค่ะ .. ที่แม่ฮ่องสอนยังแดดเปรี้ยง ๆ และร้อนมากอยู่เลย แต่พอพ้นตัวเมืองมากไม่ถึง 20 กิโล ...ฟ้าก็มืดลงปุบปับ ยังกับมิติมืด เลย..มืดได้ไม่นาน ..ฝนเม็ดเป้ง ๆ ก็เทลงมา ...ความหนักความแรงของเม็ดฝน ..รู้สึกยังกับถ้าออกไปยืนตากฝนนอกจากจะเปียก แล้วหัวคงปูดโน เป็นแน่ ..ปานนั้น..
เรื่องเล่าคราวนี้ ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศละค่ะ บรรยากาศทำให้นึกถึง เหตุการณ์เมื่อเดือน เมษายน 2 ปีก่อน .. ครั้งนั้น ..เป็นช่วงปิดสงกรานต์พอดี ..แต่ต้องกลับมาปางมะผ้า เพื่อจัดงานวันผู้สูงอายุ ซึ่งตรงกับวันครอบครัววันที่ 15 เมษายน ...จำใจจากครอบครัวของตัวเอง ...มาดูครอบครัวของชาวบ้านเขาค่ะ ...เอิ้ก ๆๆ ...บางคนก็บอกว่า "หมอใจดีไม่ทิ้งคนแก่ คนเฒ่าแถวนี้เลย" ..บางคนบอกว่า .."ที่บ้านหมอ ไม่มีคนแก่แล้วหรือ ..ไม่เคยเห็นกลับบ้านกลับช่องซักปี" ..(อันนี้ สะอึกและจี้ใจดำค่ะ)
พอเสร็จงานช่วงหลังแวะทานข้าวบ้านเพื่อน ...ผู้เขียนก็จะเดินทางกลับค่ะ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของเพื่อน ๆ เพราะฝนตั้งเค้าตั้งแต่เย็น แต่ ผู้เขียนยังไงก็ต้องกลับเพราะ มีผู้สูงอายุขี้งอนรออยู่บ้าน ความดื้อดึงส่วนตัวประกอบกับ ไม่เคยกลัวอะไร ก็ดึงดัน ที่จะกลับ..ขับรถออกจากปางมะผ้าวันนั้น ก็เกือบ ๆ สองทุ่ม ..ขณะที่เริ่มออกเดินทาง ฝนก็เริ่มลงเม็ด ... ก็เป็นปกติ ...ขับรถตากฝน เป็นเรื่องปกติของหน้าฝน ไม่มีอะไรน่ากลัว...ผู้เขียนก็ไม่เคยสะทกสะท้านอะไร .. ชั่วโมงกว่านิดหน่อย นั่งฟังเพลงไป ขับรถไปเพลิน ๆ ...ฝนตกหนัก ๆ ก็คงชั่วโมงครึ่ง ..น่าจะถึงบ้านได้ ไม่เกิน 3 ทุ่ม (นั่นเป็นสิ่งที่ผู้เขียนนึกในใจ )...
และก็ประจำว่าทุกสงกรานต์ จะพีพายุฤดูร้อนเข้า ..ฝนตกลมแรง..แรงลมแถวนี้ ..ยังไงก็ไม่น่ากลัวเท่าทอร์นาโด หรอก ( นั่นก็เป็นสิ่งที่ผู้เขียนคิด ) ฝนตกตลอดทางแรงบ้างหนักบ้าง พอเริ่มขับไปถึงบ้านแม่สุยะ (ปัจจุบัน ชื่อบ้านรุ่งอรุณ) และน้ำกัด เม็ดฝนก็หนาเม็ดขึ้นที่ปัดน้ำฝนเปิดไปจนที่แรงสุดก็ไม่ได้ช่วยให้มองเห็นเท่าไหร่ ขับผ่านหมู่บ้านก็เห็นไฟฟ้าดับวูบไปเฉย ๆ ทั้งหมู่บ้านมืดสนิท "ไฟดับ"
ฟ้าแลบ ฟ้าร้องคราง ...จนถึงฟ้าผ่า ...ผู้เขียนขับจนเหมือนคลาน เพราะมองไม่เห็นทางเลย ..เห็นลาง ๆ คือเส้นเหลือง ๆ ค่ะ ขับตามเส้นเหลืองไป ไม่มีรถสวนหรือรถตามสักคัน ..ใจเริ่มนึกกังวล ว่าคงถึงบ้านช้ากว่าที่คิด ถ้าขับใน speed เต่าเรียกพี่ อย่างนี้ ..ที่น่ากลัวอีกอย่างคือ ..ลมที่แรงอย่างเห็นได้ชัด ..ฟ้าแลบแปร๊บ ... สว่างจ้าราวกับกลางวัน ..ทำให้มองเห็นภาพต้นไม้ที่กำลังต้านกระแสแรงลมอย่างหนัก ... บางต้นก็โน้มเข้ามาจนจนน่ากลัว .. ขับผ่านไปจนถึงสถานีวิจัยสมุนไพร ..ก็เริ่มเห็นต้นไม้บางต้น เริ่มทานแรงลมไม่ไหว ล้มลง ที่ล้มไปแล้วก็มี ..
อีกตั้งครึ่งทางจะถึงบ้าน .. จะถอยกลับก็ใช่ที่ ...ผู้เขียนตัดสินใจ ขับคลานดุ่มเข้าไปอีก.. ลมแรงเริ่มรู้สึกได้ ..บางครั้งรู้สึกเหมือนรถไหวไปทั้งคัน ..เมื่อถึงจุดที่ 29 กิโล จะถึงบ้าน ก็ให้ใจหายวาบ ..เหยียบเบรกจนตัวโก่ง .. ต้นไม้ใหญ่ยัก กำลังค่อย ๆ ล้มลงต่อหน้าต่อตา ..เสียงหักเปรี๊ยะ ๆ ๆๆกร๊อบ ๆ ๆๆดังยาวจนเสียงดังโครมสุดท้ายที่ ไม้ทั้งต้นล้มลงทั้งตัว .. มองซ้ายมองขวา เห็นอีกหลายต้นทำท่าจะลงมาอีก ..ผู้เขียนถอยหลังมา กลับรถก็ไม่ได้แล้วค่ะ ..เพราะมีต้นไม้ใหญ่เล็กล้มอีกเพียบ มาจอดอกสั่นขวัญแขวน ที่จุดที่คิดว่าต้นไม้เตี้ยสุด เล็กสุด ล้มทับรถก็ไม่ตาย (ในใจคิดอย่างนั้น ) เมื่อหันกลับไปดู เพราะคิดว่าคงไปต่อไม่ได้แน่ ..ก็ใจหายอีกวาบ ...ไม้ใหญ่ด้านหลังก็ล้มลงมาต่อหน้าต่อตาอีก ...ตายละวา ...นี่เราติดอยู่ตรงกลาง แล้วก็ยังไม่รู้ว่าอะไรมันจะมาอีก .. ไปต่อไม่ได้ ถอยกลับก็ไม่ได้ ...
ระหว่างที่ติดอยู่นั้น .. ฟ้าที่แลบแปร๊บ ทำให้เห็นชัดเลยว่า ผู้เขียนถูกล้อมไว้ด้วย ต้นไม้โค่นขวางถนนรอบด้าน .. ลมแรงจนดูไม่ออกว่ามาจากทิศไหน ...ต้นไม้โอนเอนไปทั่ว ..กิ่งไม้และใบไม้ ..ท่อนเขื่อง ๆ ปลิวมาติดที่กระจกหน้า แล้วก็ปลิวต่อไปด้วยแรงลม ... ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือรอ...
To be continue.
สวัสดีค่ะ . ขจิต ฝอยทอง
สวัสดีค่ะ . อ.ลูกหว้า
สวัสดีค่ะ
วันนี้ฝนตกทั่วฟ้า ชลบุรีก็กำลังตกเหมือนกัน คืนนี้หลับสบายแน่ รออ่านต่อค่ะ
สวัสดีค่ะพี่ . ตันติราพันธ์
สวัสดีค่ะ
ตามมาอ่านค่ะ บอกตรง ๆ ลุ้นมาก ๆ ค่ะ สนุกจริง ๆ (เอ๊ะ ไม่ใช่ ยัยราณีจะมาสนุกบนความทุกข์ของผู้อื่นนะค่ะ แต่คุณหมอเขียนได้สนุกอะค่ะ) เหมือนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ จะตามอ่านค่ะ โปรดติดตามตอนต่อไป (แบบจะตามไปตอบค่ะ อิ อิ)
สวัสดีค่ะ คุณ . Ranee