แด่บ้านเกิด
ปู่ย่าตายายตายจาก แผ่นดินกลบซากสาบสูญ
ลูกหลานโหยหาอาดูร สับสนต้นตระกูล-โคตรกอ
บ้านเกิดถิ่นเก่าเหงาหงอย เมื่อเดินย้อยรอยแม่พ่อ
ใคร่ครวญทุกคราน้ำตาคลอ สืบค้นต้นตอ-ไกลตา
นากุ้งรุกฆ่านาข้าว น้ำเค็มเหม็นคาวหมดค่า
"ต่างด้าว"ผุดโด่ดาษดา หลุมศพปู่ย่าถูกย่ำยี
วัวควายผืนนาราวโหนด เงียบงันสันโดษคนหนี
เข้าเมืองมุ่งหมายได้ดี ท่ามกลางแสงสีถิ่นไกล
ทางฝุ่นมุ่นฟุ้งหม่นฟ้า พร่างพรางน้ำตานองไหล
บ้านแตกสาแหรกขาดอนาถใจ สู่ยุคสมัยมืดมน ฯ
โดยรูญ ระโนด
๒๕๓๕-๒๕๔๐
ผมเห็นมีคนเขียนกลอนเกี่ยวกับถิ่นใต้ไว้เยอะ อ่านดูแล้วถ่ายทอดให้ทราบถึงความเป็นไปในขณะนั้น จึงได้เอามารวมในบันทึกนี้ครับ
สวัสดีครับ
ขอบคุณครับ
เหตุการณ์แบบที่เป็นอยู่นี้เกิดมาตลอดร่วม ๖๐ ปีแล้วครับ ครั้งแรกตั้งแต่ ๒๕-๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๑ ที่หมู่บ้านดุซงยอ ตำบลจะแนะ อำเอระแงะ จังหวัดนราธิวาส
คนที่อยู่เขาก็พยายามคัดสรรแยกออก ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนไทยที่นั่นฆ่าโต้ตอบบ้าง แต่บาปครับ
คนเกิดที่นั่นเขารู้ทุกอย่างครับ เห็นกันมาตั้งแต่เกิด ก็อยู่ร่วมกันดีดี พึ่งพาอาศัยกัน เป็นเพื่อนเล่นกัน ไม่รู้พวกวัสสะการะพราหมณ์กลับชาติมาเกิด มายุแหย่ให้ระแวงกันทำไม แต่มีคนได้ประโยชน์ครับ
อยากให้ร่มเย็นเหมือนกัน แต่เขาไม่ยอมหยุดกันครับ ผมเลยกลับบ้านยากหน่อย ครั้งนึงก็อยู่ได้ประมาณ ๒-๓ ชั่วโมง กลัวแจ๊กพอทแตกครับ สงสารแต่น้องสาวกับหลาน ที่ยังทนอยู่เพราะเป็นบ้านเกิด
โอ้ย..ว่าจะเขียนนิดเดียว ร่ายซะยาวเลยครับ
สวัสดีครับ