ความประมาทคือทางแห่งความตายนั่นเป็นสัจธรรมที่พระพุทธองค์ท่านทรงประกาศไว้ ข้าพเจ้าได้บทพิสูจน์มาใหม่ๆสดๆ ว่าในการขับเคลื่อนพาหนะที่มีความเร็วนี้ประมาทไม่ได้แม้แต่เสี้ยวของวินาทีเลยทีเดียว เมื่อวานนี้ข้าพเจ้ามีนัดประจำกะลูกสาว ทุกๆ เย็นวันศุกร์ต้องไปรับเธอกลับบ้าน บ้านเราอยู่ลำพูนติดเขตลำปางแต่เธอไปเรียนมหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่ เพื่อเป็นการไม่ให้แม่ซึ่งค่อนข้างชอบซิ่งของเธอขับรถไกลเกินไปเราจึงนัดพบกันครึ่งทางคือเธอขึ้นรถโดยสารมาเองครึ่งทาง ดังนั้นข้าพเจ้าต้องไปรับเธอที่ในตัวเมืองลำพูน ศุกร์นี้ก็เช่นกัน กลับจากทำงานได้เวลาประมาณ 17.30 น. ก็รีบบึ่งรถออกจากบ้าน
วันนี้มีพายุเข้าทัศนวิสัยไม่ดี ท้องฟ้ามืดครึ้มฝนตกเกือบตลอดทางไปถึงตัวเมืองรถเริ่มจอแจ ข้าพเจ้าขับเคลื่อนรถเข้าไปใจพะวงถึงลูกเธอโทรมาว่าเกือบถึงแล้วเวลาใกล้ค่ำ ฝนตกพรำๆตาข้าพเจ้าสอดส่ายมองข้างทางตามหน้าร้านรวงที่ลูกมักจะมายืนรออยู่ ในวินาทีนั้นเอง อ้าว โครม! ว้าเอาอีกแล้วตู เป็นจำเลยอีกแล้ว ข้าพเจ้าตกเป็นลูกนกอยู่ในกำมือของเจ้าของรถดีแมกซ์คันข้างหน้าโดนปริยาย เขาตีสีหน้าแบบบอกไม่ถูกอธิบายไม่ได้ ลงรถมาดูความเสียหาย บอกให้ข้าพเจ้าส่งบัตรประจำตัวให้เขา แล้วเลี้ยวรถออกจากแยกที่จอแจไปตกลงกันข้าพเจ้าขอไปรับลูกก่อนเขาก็ตกลง
เมื่อตามหาลูกเจอก็ไปตกลงกะเขา เขาเชิญเข้าไปในร้าน เจ้าของรถเป็นเจ้าของร้านขายจักรยานยนต์ซึ่งอยูไม่ไกลจากบริเวณแยกที่เกิดเหตุ เขาไม่หัวเสียอย่างที่คิด เขาเสียใจกะเราด้วยนะ เออ แม้เราจะผิดเขาก็ยังมีกะใจพูดว่าไม่น่าเลยน้อ พี่ไม่เห็นไฟแดงเหรอจะไปไหน มาอย่างไร บ้านอยู่ไหน พอรู้ว่าบ้านเราอยู่ต่างอำเภออีก เขาก็ลงมาช่วยดูสภาพรถให้อีก ให้เราลองสตาร์ทดู เอาไฟฉายส่องดูว่าหม้อน้ำรั่วไหม โชคดีเครื่องรถไม่เป็นไร แต่กระโปรงรถโก่งงอขึ้นมา ตกลงเขาก็ถ่ายเอกสารบัตรประจำตัวไว้ จดเบอร์โทรไว้แล้วบอกว่าซ่อมเสียอย่างไรค่อยโทรมาหา อนุญาตให้เราสองแม่ลูกกลับบ้านได้ เฮ้อ กลุ้มจังไม่รู้จะเสียตังค์อีกเท่าไหร่ทั้งรถเขารถเรา นีแหละหนอ โทษฐานประมาทลืมดูไฟแดง
เก็จถะหวา 6 ตุลาคม 2550 08.40 น.
บ่เป๋นหยังเนาะ ปี้สาว
รถชนแล้ว ถือว่าฟาดเคราะห์ไปเนาะ
ต่อไปก้อจะมีแต่โชคล่ะ
หมดทุกข์หมดโศกแล้วเนาะ