คุณธรรมจริยธรรม(๓)


ไม้เบื่อไม้เมาระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้ ถึงขนาดลูกสะใภ้คิดฆ่าแม่ผัว

เรื่องของไม้เบื่อไม้เมาระหว่างคนในครอบครัว เช่น พ่อตากับลูกเขย และแม่ผัวกับลูกสะใภ้ ในสังคมไทยเราสามารถเห็นได้จากละครมากมายหลายเรื่อง แต่อย่านึกว่ามีเฉพาะเมืองไทย ในสังคมจีนก็เช่นเดียวกัน ดูเหมือนจะหนักกว่าของไทยหลายชั้น  ลองมาดูเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้จบลงด้วยความสุขในครอบครัว ครับ.

คุณธรรมจริยธรรม(๓)

                                                                                   บัณฑูร  ทองตัน 

            วันนี้ตั้งใจเล่านิทานคุณธรรมให้ฟังเรื่องหนึ่ง อ่านมาจากอินเตอร์เนตแล้วเห็นว่าดี สามารถเอามาปรับใช้กับชีวิตการทำงานของพวกเราได้ ก็เลยลอกมาให้อ่านกัน แต่ที่ต้องบอกก็คือว่าเวลาส่งข้อมูลผ่านอินเตอร์เนตนั้น มักไม่ปรากฎชื่อผู้เขียน ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะไปละเมิดลิขสิทธิ์ใครต้องขออภัยนะที่นี้ การเอางานของเขามาเป็นงานของตัวเป็นเรื่องที่ไม่ควร ถือเป็นเรื่องขาดคุณธรรมข้อหนึ่งเหมือนกัน ลองดูนะครับว่ามันดีอย่างที่ผมว่าหรือเปล่า        ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เด็กสาวคนหนึ่งนามว่าลี่ลี่ เมื่อเธอแต่งงานจึงได้ย้ายนิวาสสถานมาอยู่กับสามีและแม่สามี ...ภายในเวลาอันสั้นลี่ลี่ก็พบว่าเธอไม่สามารถเข้ากับแม่สามีได้เลย ใช่สิ.. บุคลิกของทั้งคู่ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง... ลี่ลี่ทนนิสัยหลายอย่างของแม่สามีไม่ได้ฝ่ายแม่สามีก็ได้แต่วิพากษ์วิจารณ์ลี่ลี่เสมอมา
       
วันเวลาผ่านไปจากวันเป็นเดือน ลี่ลี่และแม่สามีทะเลาะกันไม่หยุดหย่อน แต่สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ ตามธรรมเนียมจีน สะใภ้จะต้องก้มหัว และเชื่อฟังแม่สามีในทุกเรื่องราว ทั้งหลายทั้งปวงนี้นำมาซึ่งความทุกข์โศกแก่ผู้เป็นสามีเป็นอย่างยิ่ง
       
ในที่สุดวันที่ลี่ลี่หมดสิ้นความอดทนได้มาถึง จึงตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง เธอตรงไปหาคุณหวางเพื่อนรักของพ่อที่ขายสมุนไพร หลังจากเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง เธอจึงถามว่า พอจะหายาพิษอะไรสักอย่างเพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดทั้งมวลในคราวเดียวได้ไหม
       
คุณหวางคิดอยู่ชั่วขณะ ในที่สุดจึงกล่าวกับลี่ลี่ว่า "ลุงจะช่วยหนูเอง...แต่หนูต้องฟังคำของลุงและเชื่อฟังสิ่งที่ลุงบอกนะ"
        ลี่ลี่ตอบรับทันทีว่า "ค่ะหนูจะทำตามที่คุณลุงแนะนำทุกอย่าง" 

        คุณหวางหายไปหลังร้าน และกลับมาภายในเวลาชั่วครู่พร้อมกับห่อสมุนไพรในมือ เขากล่าวกับลี่ลี่ว่า

        "ลุงจะจ่ายยาสมุนไพรให้หนูจำนวนหนึ่ง แต่หนูต้องไม่ใช้ยาพิษนี้ทั้งหมดในคราวเดียวกันนะ เพราะนั่นจะทำให้ทุกคน สงสัย หนูจงเติมสมุนไพรนี้ลงไปในหมูเห็ดเป็ดไก่ที่ปรุงวันเว้นวันสารพิษนี้จะได้ค่อยๆสะสมอยู่ในตัวเธอ ขณะเดียวกัน หนูก็ต้องพูดจากับเธอดีๆ และเชื่อฟังเธอด้วย วันหนึ่งข้างหน้า เมื่อแม่สามีตายลงจะได้ไม่มีใครสงสัยในตัวหนูไงล่ะ อย่าลืมนะ ห้ามเถียงเธอแต่จงเชื่อฟังทุกอย่างที่เธอบอกและปฏิบัติต่อเธออย่างดีที่สุด"
           ได้ยินดังนั้นลี่ลี่รู้สึกสุขใจยิ่งนักจึงกล่าวขอบคุณและล่ำลาคุณหวางเพื่อกลับไปเตรียมอุบายสังหารแม่สามี
       
วันและคืนผ่านไป...ลี่ลี่จะต้องปรุงอาหารจานพิเศษให้แม่สามีทุกวันเว้นวัน เธอจดจำคำของคุณหวางได้เป็นอย่างดี...พยายามควบคุมอารมณ์ตนเอง เชื่อฟังและดูแลเธอเหมือนดั่งเป็นแม่ของตนเอง
       
เวลาล่วงไปได้หกเดือน ทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้หลังคาบ้านนั้นกลับแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ลี่ลี่ได้ฝึกตนให้ควบคุมอารมณ์ได้ดีมาก ไม่เคยมีปากเสียงกันเลยตลอดหกเดือนนี้ แม่สามีดูเหมือนจะมีเมตตาต่อเธอและเข้ากันได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ทัศนคติของแม่สามีที่มีต่อลี่ลี่ได้เปลี่ยนไปเช่นกัน เธอเริ่มรักลี่ลี่เหมือนกับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง...เธอพร่ำบอกเพื่อนฝูงและคณาญาติว่า ลี่ลี่เป็นลูกสะใภ้ที่ดีที่สุดและยากจะหาใครมาเสมอเหมือน
       
บัดนี้ ลี่ลี่ และแม่สามีรักกันดุจแม่-ลูกจริงๆ แล้ว... ฝ่ายสามีลี่ลี่รู้สึกสุขใจเป็นที่สุดที่ได้เห็นภาพนั้น
       
วันหนึ่ง...ลี่ลี่กลับไปหาคุณหวางเพื่อขอความช่วยเหลืออีกครั้ง เธอละล่ำละลัก "คุณลุงหวางคะ กรุณาช่วยหนูด้วยค่ะ หนูไม่อยากให้แม่สามีตายแล้วค่ะ คุณลุงรู้มั้ยคะว่า ตอนนี้แม่เปลี่ยนไปมาก ท่านดีกับหนูมากและหนูก็รักท่านเหมือนแม่จริงๆของหนู หนูไม่อยากให้ท่านตายด้วยยาพิษของหนูเลย..." คุณหวางพรายยิ้ม ผงกศีรษะและกล่าวว่า ลี่ลี่เอ๋ย...ไม่มีอะไรต้องกังวล ลุงไม่เคยให้ยาพิษอะไรแก่หนูเลย สมุนไพรที่ให้ไปเมื่อคราวก่อนนั้นเป็นพวกวิตามินที่บำรุงร่างกาย ยาพิษอย่างเดียวนั้นอยู่ที่จิตใจและทัศนคติของหนูที่มีต่อแม่สามีต่างหากและนั่นก็ได้รับการชำระล้างหมดแล้วด้วยความรักทั้งหมดทั้งมวลที่หนูมอบให้ท่าน
        
นิทานเรื่องนี้ เป็นเพียงอุทาหรณ์ที่เห็นได้ชัด ซึ่งอาจเกิดกับใครก็ได้ ซึ่งบอกให้รู้ว่า คนเราทุกคน เมื่อให้แต่สิ่งที่ดีแก่ผู้อื่น ความดีนั้นย่อมจะกลับคืนมาสู่ตนเอง ขอเพียงเปิดใจให้กว้าง ยอมรับและพร้อมที่จะทำความดีด้วยความจริงใจ              ผมอยากรู้เหมือนกันว่าลูกน้องผมได้ฟังนิทานเรื่องนี้แล้วทัศนคติจะเปลี่ยนไหม จริงๆนะ......

หมายเลขบันทึก: 133745เขียนเมื่อ 1 ตุลาคม 2007 18:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 เมษายน 2012 08:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท