ป.ปลาตัวนั้นใช่มั้ย


ปลาตัวนี้คือปลาที่พ่อเล่าให้ฟังเมื่อคืนนี้ใช่มั้ย

บางวันที่ไปจ่ายตลาดผมจะชวนลูก ๆ ไปด้วย สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง เหตุที่อยากชวนลูก ๆ ไปตลาดนั้นก็เพราะอยากให้พวกเขาได้เรียนรู้สิ่งที่จะใช้ในการดำเนินชีวิต เช่น ผักอะไรกินได้บ้าง (ผักกินไม่ได้ไม่ค่อยมีในตลาด) นอกจากสิ่งที่โรงเรียนสอนให้รู้จักว่ามันเป็นใบเลี้ยงคู่หรือใบเลี้ยงเดี่ยว ฮิฮิ และที่มักจะเจอปัญหาบ่อยตอนที่สอนวิชาวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพืชนี่แหละครับ พวกเขาดูรูปแล้วตอบไม่ได้ว่ามันชื่ออะไร เหตุผลที่เขาตอบไม่ได้นั้นก็คือ เพราะเขาไม่เคยได้เจอมันเลยในชีวิตประจำวัน ไม่รู้เลยว่าที่กิน ๆ อยู่นั้นเรียกว่าอะไร แหล่งเรียนรู้ที่ดีและสะดวกสำหรับผมกับลูกคือตลาดสดนั่นเอง

ไม่บ่อยนักที่ผมชวนลูกไปตลาดได้สำเร็จ มีอยู่วันหนึ่งจึงถามเขาว่าทำไมไม่อยากไปตลาดกับพ่อ (ทั้ง ๆ ที่เราได้อธิบายประโยชน์ที่เขาจะได้ในการไปตลาดให้ฟังมากมาย) เขาตอบให้ผมอึ้งไปว่าไม่อยากเห็นแม่ค้าทุบหัวปลาและก็ไม่อยากให้เลือดมันกระเด็นโดนตัวเขาด้วย หลังจากที่ได้คำตอบจากลูกแล้ว เมื่อไปตลาดครั้งต่อ ๆ ไป ก็พยายามไม่พาเขาเดินผ่านร้านขายปลา ผมไม่ทราบว่าที่จังหวัดอื่นในตลาดขายปลาที่ยังเป็น ๆ อยู่หรือไม่ แต่ที่ลำปางปลาที่แม่ค้าวางไว้ให้เลือกยังหายใจพะงาบ ๆ เลือกตัวไหนก็ใช้ฆ้อนทุบหัวให้ตาย ทำให้เสร็จ ก็เป็นเวลาไม่กี่ปีหรอกครับ ที่ผมรู้สึกสำนึกบาปบุญได้ ไม่ซื้อสัตว์เป็นมาทำอาหาร

อยู่มาวันหนึ่งเจ้าหญิงน้อยของผมอยากจะกินต้มแซบปลา(ลูกผมเรียกต้มแซบเพราะว่าเขาอยากให้ทำให้มีรสเผ็ดและเปรี้ยวด้วย อาจจะมีความเหมายไม่เหมือนกับต้นฉบับอีสานนัก) ผมก็ต้องไปซื้อปลาที่ตลาดมาทำ ที่ตลาดมีร้านขายปลาอยู่ 2 ร้าน ปกติผมจะซื้อร้านที่เขาแยกปลาตายไว้ตากห่าง แต่วันนี้นเดินแบบใจลอยไปอีกร้าน เมื่อแม่ค้าเห็นผมมองปลาแบบลังเล ๆ จึงพูดว่า "ปลาตายก็มีนะค่ะ" แต่แม่ค้าก็ไม่ได้แยกปลาตายไว้เหมือนอีกร้าน ให้ปนอยู่ในทีเดียวกันกับปลาเป็น ผมหยุดดูปลาสักครู่ คิดว่าร้านนี้ก็ร้านนี้มีปลาตายเหมือนกันนี่นา และมองเห็นปลาทับทิมตัวหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่(ไม่หายใจแล้วครับ) จึงชี้ไปแล้วบอกว่าเอาตัวนี้แหละครับ แม่เค้าจับขึ้นเขียง ผมคิดในใจว่าคงจะขอดเกล็ดเลย แต่ที่ไหนได้ครับ เอาสากไม้ทุบลงไปหนึ่งที สองที ปลาก็ดิ้นพับ ๆ ผมคิดในใจว่าเอาแล้วมึง วันนี้สั่งฆ่าไปหนึ่งวีชิตแล้ว และก็ปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไรเราไม่มีเจตนานี่นา พอปลามันหยุดดิ้นใจผมก็ดิ้นน้อยลงตาม เมื่อแม่ค้าทำเสร็จใส่ถุงยื่นให้ผม ก็นึกในใจว่าเดี๋ยวคืนนี้จะแบ่งส่วนบุญให้ละกัน

ปลาทับทิม
ปลาทับทิมครับผม

ระหว่างที่ถือถุงปลาเดินกลับไปรอรถมารับ ใจผมก็ต้องดิ้นอีกครั้งเพราะเจ้าปลาในถุงซึ่งเราสั่งฆ๋านั้นมันดิ้นขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ผ่านกระบวนการต่าง ๆ นานาของแม่ค้ามาแล้ว มันดิ้นทีไรใจผมก็ดิ้นตามทุกครั้ง ดิ้นอยู่ประมาณ 2-3 นาทีก็หยุดว ผ่านไปเย็นนั้น

และเมื่อมาถึงเวลาก่อนนอนผมก็มักจะเล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรให้ลูกฟังก่อนนอนเสมอ คีนวันนี้จึงเล่าเรื่องปลาให้เขาฟัง เจ้าตัวเล็กหลับไประหว่างเล่า ส่วนคนโตชั้น ป.3 ฟังจนจบ แล้วผมจึงชวนเขาสวดมนต์และแผ่เมตตาให้ปลาตัวนั้น

รุ่งเช้าอีกวันนี้ขณะที่กำลังนั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน 3 คนพ่อลูก เจ้าตัวเล็กที่อยากกกินต้มแซบปลาก็กินได้อย่างเอร็ดอร่อย ผมปกติไม่ค่อยกินตอนเช้า ส่วนคนโตดูแปลก ๆ ไป ปกติเขาก็กินได้เยอะครับ แต่เช้านั้นดูเหมือนจะกินน้อยจนสังเกตุได้ ผมจึงผมเขาว่า "มีอะไรหรือลูก ทำไมวันนี้ กินน้อย เผ็ดหรือ" เขานิ่งสักครู่แล้วตอบผมว่า "พี่ออม รู้สึกว่ากินไม่อร่อยเลย" ผมถามกลับว่า "ทำไมหละ" เขาตอบว่า "ปลาตัวนี้คือปลาที่พ่อเล่าให้ฟังเมื่อคืนนี้ใช่มั้ย" เท่านั้นแหละครับ ผมก็ไม่ให้เขากินต่อละ ไม่กินก็ไม่กิน แต่ใจผมนะสิครับ รู้สึกผิดเอามาก ๆ เลย ไม่แน่ใจซะแล้วว่าเรื่องอะไรควรเป็นเรื่องเล่าก่อนเข้านอนของผม...

คำสำคัญ (Tags): #ชีวิต
หมายเลขบันทึก: 133339เขียนเมื่อ 30 กันยายน 2007 23:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท