ธนา เธียรอัจฉริยะ
วันนี้ได้ทราบข่าวว่าคุณธนา เธียรอัจฉริยะ ได้เป็น 1 ใน 50 ผู้จัดการ จากการโหวตของหนังสือผู้จัดการรายเดือน ทำให้ไม่อาจที่จะไม่บันทึกเรื่องราวที่ประทับใจของผู้ชายคนนี้ไว้
วันหนึ่งได้มีโอกาสไปฟังการสัมนาธุรกิจคิดนอกกรอบ ที่หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจจัดขึ้น งานนี้อาศัยความเป็นเพื่อนตุ้ม (หนุ่มเมืองจันทร์) ที่พี่ตุ้มเป็นพิธีกรร่วมเสวนาในงาน จึงได้มีโอกาสทำความรู้จักแขกรับเชิญที่มาร่วมเสวนา ซึ่ง 1 ในนั้นคือ คุณธนา จาก HAPPY DTAC เราก็กล้าๆกลัวๆเหมือนกัน ที่เขาเป็นผู้ใหญ่ระดับสูงในองค์กรหนึ่ง จะยอมรู้จักกับพนักงานพัฒนาองค์กร 2 คน (เราไปกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง) หรือ แต่คุณธนาก็ทำให้เราซาบซึ้งกับการที่ไม่ได้เห็นว่าเป็นความแตกต่างระหว่างระดับชั้นแต่อย่างใด กับคุยด้วยอย่างสนุกสนานพร้อมกับยื่นนามบัตรให้โดยที่ไม่ได้คิดจะแลกเปลี่ยน ทำให้หมายมั่นไว้ในใจว่า สักวันจะต้องทำความรู้จักให้มากกว่านี้
และโอกาสดีก็มาถึง เมื่อเรา ต้องจัดงาน "มหัศจรรย์แห่งพลัง" ซึ่งเป็นงาน QSHE ประจำปีของบริษัทฯ ทำให้เราคิดที่จะเชิญคุณธนา มาพูดเกี่ยวกับพลังแห่งใจที่ทำให้คุณธนาประสบความสำเร็จ ร่วมกับคุณธันยวัชร์ แห่งไทคูน
ในครั้งแรกที่เราได้นัดคุณธนาอย่างเป็นทางการผ่านเลขา ขอเข้าพบเพื่อคุยรายละเอียดต่างๆ วันนั้นต้องบุกไปที่ตึกชัยครั้งแรก เรากับณัฐพลเพื่อนผู้ซึ่งต้องลุยงานร่วมกัน ไปนั่งรอคุณธนาที่ Meeting Room ที่เป็นกระจกใส แบบโต๊ะเป็นวงกลมเล็กๆ นั่งได้ 4 ที่นั่ง ทำให้เรารู้สึกว่า office ของคุณธนา friendly เหมือนคุณธนาจังเลย วันนั้นจำได้ว่า ที่รออยู่นั้น คนที่เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้างๆๆ หน้าตาใจดีๆๆ ทำให้บรรยากาศในการรอ(ที่นานมาก) ไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด เพราะเราและณัฐพลกลับรู้สึกว่า ห้องที่นั่งรอสดใสตามคนที่เดินเข้ามา ดอกไม้ที่วางอยู่ก็พลอยหัวเราะไปกับคุณธนาด้วย โลกที่อยู่รอบๆหมุนตามคุณธนาจริงๆ วันนั้นสิ่งที่เราจำได้คือ
*ความเชื่อ เมื่อเชื่ออย่างจริงจังมันจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้
*ไม่สำเร็จ ไม่เป็นไร ขอให้ทำอย่างเต็มที่
*ถ้าอยากสำเร็จมากขึ้น ต้องให้มากขึ้น
*ไม่จำเป็นต้องเป็นที่ 1ขอให้เป็นตามจริงอย่างที่เราเป็น และเป็นให้เต็มที่
ที่สำคัญต้องจริงใจกับสิ่งที่ทำ
จากวันนั้น ก็ถึงวันที่จัดงาน ด้วยความที่งานเป็นงานใหญ่ประจำปีของบริษัท เรากับณัฐพลเลยรับหน้าที่เป็นผู้ร่วมเสวนาบนเวทีด้วย ทำให้เรา 2 คนเตรียมเสื้อผ้า หน้า ผม กันอย่างเต็มที่ ใกล้ถึงเวลาก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้ารอ ตอนนั้นเองคุณธนาก็โทรศัพท์มาบอกว่าอยู่หน้าโรงงานแล้ว ทำให้เราและณัฐพลต้องรีบวิ่งมารับ
พอรถ Toyota Camry จอด เราพบผู้ชายคนหนึ่งแบกเป้สีดำ กางเกงยีนส์เก่าสีซีดๆ ชายขาดๆ เสื้อเชิ๊ตลายสก๊อตสีน้ำเงินเข้ม พับปลายแขน ลงมาจากรถ ทำเอาเรากับณัฐพลถึงกับอึ้ง!!! เพราะเราลากส้นสูง ใส่กระโปรง พร้อมกับแต่งหน้าทำผมเต็มที่ ส่วนเจ้าณัฐพลก็เชิ๊ตผูกไทด์ เตรียมใส่สูทเต็มที่เหมือนกัน ส่วนที่อึ้งกว่า ก็คือคุณธนา ที่มองพวกเราอย่าง งง งง ที่สำคัญคือจำเราไม่ได้ เรา น้องผู้หญิงห้าวๆ แก่นๆ เหมือนทอมบอย เจอกันครั้งใดก็เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ ทำเอาต้องหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน งานนั้นเรากับเพื่อนรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแทบไม่ทัน ทำให้เข้าใจว่า คนเราบางทีไม่ต้องสวยหรู ไม่ต้องสร้างภาพมาก ก็สามารถดึงให้คนสนใจได้จากความดีที่อยู่ข้างใน (ของคุณธนา) และความสนุกของคุณธันยวัชร์ คนเข้าฟังจนล้นห้องประชุมใหญ่ เสียงหัวเราะและรอยยิ้มทำให้หายเหนื่อย จากงานวันนั้นคุณธนากลายเป็นขวัญใจสาวๆ ในบริษัท ออกหนังสือฉบับไหน ข่าวอะไร รู้ได้โดยไม่ต้องเปิดเวป
หลายปีจากวันนั้นถึงวันนี้ คุณธนาก็ยังเป็นพี่ที่ดีสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะดังขึ้นมากแค่ไหน หรือใหญ่โตกว่าเดิมมากมาย ก็ยังน่ารักไม่เปลี่ยนแปลง ความคิดก็ยังเป็นด้านบวกเสมอ ไม่ว่าน้องจะโทรรบกวนอย่างไร ถ้าว่างจะรับสายและให้ข้อคิดเห็นในสิ่งที่ต้องการคำตอบเสมอ
ด้วยการที่เราทำงานด้าน LO & KM ขององค์กร ทำให้เราเห็นว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากพี่ธนา มากกว่า LO & KM เล่มไหนๆสอนกัน สิ่งที่คิดและทำมาจากหัวใจต่างหาก ที่จะทำให้คนคล้อยตาม และเชื่อ จนทำให้มันสำเร็จขึ้นมา
วันนี้วันที่พี่คนดีคนหนึ่งที่เราได้มีโอกาสรู้จัก ได้ประสบความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของชีวิต เราก็พลอยยินดี และได้บอกให้คนอื่นๆได้รับรู้ถึงความสำเร็จของพี่เราด้วย
และเรายังได้ย้อนดูตัวเองว่า เราทำงานแล้วมีความสุขเหมือนพี่ธนาแล้วหรือยัง เพราะถ้าเรามีความสุขกับสิ่งที่ทำ ผลของมันก็จะสวยงามไม่แพ้กัน
