เมื่อวานผมได้เดินทางมาเข้าร่วม “มหกรรม KM ภูมิภาค” และได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์จ่าทวีที่มีของใช้และเครื่องมือสมัยเก่ามากมาย
นอกจากจ่าทวีจะบรรยายในรอบเช้าแล้วก็ยังมีลูกสาวบรรยายในรอบบ่าย ที่ทำให้ผมได้ฟังอย่างตื่นเต้น ถึงความรู้ที่ผมได้รับ
แม้จะจำกัดด้วยเวลาและความสามารถในการรับรู้ของผมเอง
แต่ในเวลาเท่าที่มีนี้ ผมก็ถือว่าคุ้มค่ามากที่ได้รับฟัง· สาเหตุและที่มาของความรู้แต่ละเรื่อง
· ความจำเป็นในการใช้ความรู้ต่างๆ
· ความรู้ที่นำไปสู่การผลิตของใช้และเครื่องมือแต่ละชนิด
· เครื่องมือแต่ละอย่างกับการใช้งานในแต่ละสภาพแวดล้อม และวัตถุประสงค์ในการดำเนินชีวิตแบบที่เป็นจริง และสามารถพึ่งตนเองได้
· การผลิตและการใช้ประโยชน์ของใช้และเครื่องมือแต่ละชนิด
· และที่สำคัญมาก ก็คือ การแสดงถึงชุดความรู้ที่ต้องมี เพื่อการดำรงชีวิตในแต่ละสภาพแวดล้อม ที่จะต้องเปลี่ยนไปตามเงื่อนไขของความจำเป็นและการใช้ประโยชน์อย่างผสมผสานในชีวิตจริง
นี่แหละที่ผมขอเรียกว่า
“พิพิธภัณฑ์แห่งความรู้” ที่อาจไม่มีชีวิตในวันนี้
แต่ผมก็เชื่อว่า ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่ยังคง “มีชีวิตอยู่” ในวิถีชีวิตของคนไทย อีกมากมาย ที่อาจกำลังสูญหายไปกับสภาพแวดล้อมกับสถานการณ์ ที่อาจ “กำลังจะ”ขาดความเชื่อมโยงกับชีวิตจริง และทำให้ผมคิดว่า
· “น่าจะยังมี” ชุดความรู้และเครื่องมือของใช้ต่างๆอีกมากมาย ที่ยังใช้อยู่จริงในชีวิตประจำวัน ที่อาจนำไปปรับใช้ในสถานการณ์ต่างๆได้อย่างมากมาย
· เช่น การลืมชุดความรู้ในการดักสัตว์ชนิดต่างๆ ทำให้เราต้องไปพึ่งการใช้สารพิษในการ “ลดประชากร” ของสัตว์
· การใช้สารพิษทำให้เกิดการทำลายแบบ “ไม่เลือก” ทั้งระบบ แม้การย้อนกลับมาทำลายตัวเอง
· ไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญกับความรู้เชิง “ภูมิปัญญา” เหล่านี้ แต่กลับไปเน้นความสำคัญของ “เทคโนโลยี” ที่ต้องพึ่งคนอื่น ภายใต้คำโฆษณาว่า “ความทันสมัย” และ “ความสะดวก” “ความสบาย” ที่ทำให้เราต้องเป็นทาสทางสังคมและเศรษฐกิจ เป็นหนี้กันถ้วนหน้าอยู่ทุกวันนี่
และผมคิดว่า
· การสร้างหรือใช้รูปแบบของพิพิธภัณฑ์ความรู้ ผสมผสานกับระบบเครื่องมือสื่อสาร อินเตอร์เนท วีดีโอ และระบบฐานข้อมูลที่มีชีวิต
· น่าจะทำให้ “ฐานการทำงาน” ของสำนักงานปราชญ์แห่งชาติ มีประโยชน์ต่อการรักษาความรู้ และการพัฒนาปัญญาของประเทศได้เป็นอย่างดี
วันนี้เป็นอีกวันแห่งการเรียนรู้ของผมครับ