เรื่องเล่าเร้าพลัง
ได้รับคำสั่งจากสำนักงานเขตพื้นทีการศึกษาเลย เขต 1 ที่ 269/2549 เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการโรงเรียน โดยเข้ารายงานตัวและรับตำแหน่ง ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2549 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนบทบาทการทำงานครั้งใหม่ในถนนสายเดิม คือ จากการปฏิบัติหน้าที่ครูผู้สอน มาเป็นผู้บริหารการศึกษา แต่ก็ยังเป็นงานการให้การศึกษา พัฒนาเยาวชนเช่นเดิมผู้ที่จะทำงานให้ประสบความสำเร็จได้ ย่อมต้องมีหลักยืดหรือแนวทางที่เป็นเสมือนเข็มทิศในการเดินทางในการปฏิบัติหน้าที่ ข้าพเจ้าได้น้อมนำพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงตรัสไว้ว่า “เยาวชนทุกคนมิได้ต้องการทำตัวให้ตกต่ำ หรือเป็นปัญหาแก่สังคมแต่ประการใดแท้จริงต้องการจะเป็นคนดีมีความสำเร็จ มีฐานะ มีเกียรติและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น แต่การที่จะบรรลุจุดประสงค์นั้นจำต้องอาศัยผู้แนะนำ ควบคุม ให้ดำเนินไปอย่างถูกต้องในฐานะหน้าที่ที่เป็นครู เป็นอาจารย์ เป็นผู้บริหารการศึกษาท่านจะช่วยเขาได้มากที่สุด เพราะมีส่วนควบคุมดูแลใกล้ชิดอยู่ทุกๆ ด้านรองลงมาจากบิดา มารดา” เป็นสิ่งบอกตนเตือนใจและสร้างพลังในการทำงานเสมอมา บทบาทในด้านการบริหารการศึกษา ได้ถือเอามาตรฐานการศึกษาของชาติในด้านผู้บริหารตามมาตรฐาน ที่ 10, มาตรฐานที่ 11, มาตรฐานที่ 12,มาตรฐานที่13 และมาตรฐานที่14 เป็นแนวในการปฏิบัติหน้าที่อีกประการหนึ่ง ซึ่งการปฏิบัติงานในตำแหน่งรองผู้อำนวยการนั้น เปรียบได้กับผู้อยู่เบื้องหลังของแม่ทัพใหญ่ เป็นผู้สนับสนุนและเป็นตัวจักรสำคัญในการดำเนินงานตามนโยบายของโรงเรียนที่วางไว้ให้ประสบความสำเร็จระยะเวลา 1 ปี 4 เดือน 17 วัน (วันที่ 8 พฤษภาคม 2549 ถึงวันที่ 25 กันยายน 2550) ของการทำงานอยู่ในโรงเรียนเชียงกลมวิทยา ได้ผ่านการทำงานด้วยความสุข มีความกระตือรือร้น และการได้รับความร่วมมือช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างกัลยาณมิตรของบุคลากรทุกฝ่ายในโรงเรียน ดังต่อไปนี้
1. งานบริหารทั่วไป ให้ความร่วมมือประสานฝ่ายบริหารทั่วไปกับฝ่ายบริหาร จัดระบบงานธุรการในสถานศึกษาให้มีเป้าหมายเดียวกัน เช่น งานสารบรรณ, งานทะเบียนและรายงาน งานเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในด้านอาคารสถานที่, งานประชาสัมพันธ์
2.งานบริหารวิชาการ ให้กรอบแนวคิดในการปฏิรูปการศึกษาเพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิรูปการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และร่วมประชุมวางแผนการพัฒนาการศึกษาในโรงเรียน ส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน เป็นตัวอย่างที่ดีแก่คณะครู นักเรียน ในการศึกษาหาความรู้ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพ ทั้งยังสนับสนุนให้นักเรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนอย่างมีความสุข มุ่งมั่น ทำให้รับการยอมรับจากสังคมอย่างกว้างขวาง ซึ่งถือได้ว่าได้ทำหน้าที่ของผู้บริหารจัดการ โดยทำเป็นแบบอย่างที่ดี และมองการณ์ให้ไกล สมกับการเป็นผู้บริหารยุคใหม่อย่างแท้จริง
3. ฝ่ายส่งเสริมกิจการนักเรียน ติดตามควบคุมความประพฤตินักเรียนกลุ่มเสี่ยง ส่งเสริมให้นักเรียนเข้าร่วมในกิจกรรมที่โรงเรียนจัดขึ้น เช่น อบรมยาเสพติดและโรคเอดส์ กีฬาภายใน เป็นต้น ซึ่งนักเรียนคือผลผลิตหรือบุคคลที่สำคัญที่สุด การหล่อหลอมให้นักเรียนเป็นคนดี คนเก่ง อยู่ร่วมสังคมได้อย่างมีความสุข จะต้องป้องปรามภัย ให้อาวุธในการ่อสู้กับอบายมุข สร้างโล่อารมณ์เพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อต้านกับสิ่งยั่วยุ ในโลกยุคการสื่อสารก้าวไกล เทคโนโลยีก้าวหน้า และสื่อมีอิทธิพลเหนือทุกอย่าง เช่นในปัจจุบัน ดังนั้น การจัดกิจกรรมพิเศษนอกเหนือจากกิจกรรมการเรียนการสอน จึงมุ่งให้เกิดความแข็งแกร่งและเข้มแข็งในการใช้ชีวิตในสังคมเป็นสำคัญ
4. ฝ่ายบริหารงบประมาณและบุคลากร บริหารจัดการให้มีความคล่องตัวโปร่งใสตรวจสอบได้ ประสานงานระหว่างฝ่ายงบประมาณฯกับผู้อำนวยการสถานศึกษาให้มีความคล่องตัว และขอความสนับสนุนงบประมาณจากเทศบาล/ชุมชนได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยความเป็นคนสนุกสนานมีความสามารถในการมัดใจผู้ได้พบเห็น คบหา เพราะความเป็นคนคบง่าย จริงใจ และเปิดเผย จึงทำให้เป็น ที่ชื่นชมรักใคร่ของคนในชุมชน ทำให้ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณเพื่อจัดกิจกรรมที่มีประโยชน์แก่นักเรียน ทำได้โดยสิ้นข้อสงสัยด้านการพัฒนานักเรียน1. พัฒนานักเรียนให้เป็นผู้มีระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัดในด้านต่อไปนี้ - ระเบียบวินัยการแต่งกาย - มีความรับผิดชอบต่อการเรียน การงาน - เคารพเชื่อฟังพ่อ แม่ ครู - มีความรักใคร่สามัคคีกัน - มีความรักภาคภูมิใจในสถาบัน2. เปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการกำหนดระเบียบ วินัยการปฏิบัติตนบางอย่างด้วย3. ส่งเสริมให้นักเรียนได้แสดงความสามารถแต่ละบุคคล อย่างทั่วถึง หลากหลาย ยอมรับในความต่างระหว่าง บุคคล4. ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนการสอนเพื่อมุ่งผลสัมฤทธิ์ - การให้การบ้าน - การให้ศึกษาค้นคว้าจากแหล่งความรู้หลากหลาย - มีการศึกษานอกสถานที่ - กระตุ้นการเรียนรู้ - การเข้มงวดกับการเรียนการสอน - การประเมินผลอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง5. มีกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ครู นักเรียน - พี่ช่วยน้อง
ด้านการพัฒนาบุคลากร
1. พัฒนาคุณธรรมจริยธรรม ความรับผิดชอบต่อการสอน มีความรู้ความสามารถในการสอนและเพิ่มศักยภาพการ ทำงานให้มากขึ้น เป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักเรียน เอาใจใส่ กระตือรือร้นในการปฏิบัติงาน
2. แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันและสร้างความสัมพันธ์กับผู้ปกครองและชุมชนเพื่อการพัฒนานักเรียน
3. ให้บุคลากรได้ทำงานในหน้าที่อย่างเต็มกำลังและต่อเนื่อง
4. มีการควบคุม กำกับติดตาม นิเทศ ประเมินผลการทำงาน
5. กำหนดเป้าหมาย แนวทางการทำงานอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมนักเรียนเก่งและพัฒนานักเรียนที่เรียนอ่อน
6. ให้มีบุคลากรเพิ่มในด้านดนตรีเพื่อพัฒนานักเรียน
7.มีการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน จัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นด้านการพัฒนาโรงเรียน
1. ส่งเสริมให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมมือในการพัฒนาทุกด้าน -งบประมาณ -บุคลากร - สภาพแวดล้อมภูมิทัศน์ -การวางแผนการดำเนินงาน -กิจกรรมสอดส่อง ดูแลและช่วยเหลือ นักเรียน
2. ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้เกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือ นักเรียน และกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนอย่างชัดเจนต่อเนื่อง
3.จัดตั้งเครือข่ายผู้ปกครองดูแลนักเรียนจากทุกชุมชน
4. จัดหาวัสดุอุปกรณ์การเรียนให้ทันสมัยและเพียงพอ
5.จัดหาทุนการศึกษาเพื่อช่วยเหลือนักเรียนยากจน
6.ปรับปรุงโรงอาหารให้มีที่นั่งเพียงพอและมีอาหารบริการอย่างเพียงพอ
7.ปรับปรุงระบบอินเตอร์เน็ทให้มีความเร็วสูงขึ้น
8. ปรับปรุงช่องทางเข้าออกโรงเรียนให้มีมาตรฐาน
9. มีมาตรการควบคุมการใช้โทรศัพท์และสื่อสิ้นเปลืองและไม่มีประโยชน์
10. มีมาตรการที่เด็ดขาดและเข้มงวดเกี่ยวกับยาเสพติดในโรงเรียน
ผู้บริหารกับหลักธรรมาภิบาล
การจะเป็นผู้บริหารที่ดีควรยึดหลักธรรมาภิบาลซึ่งหลักธรรมาภิบาลมีรายละเอียด ดังนี้
หลักธรรมาภิบาล หลักธรรมาภิบาล (Good Governance) มาจากคำว่า ธรรมะ + อภิบาล หมายความว่าหลักการบริหารจัดการบ้านเมืองและสังคมที่ดี ประกอบด้วยหลักพื้นฐาน 6 ประการ ดังนี้
1. หลักนิติธรรมได้แก่การตรากฎหมาย กฏข้อบังคับต่างๆให้ทันสมัยและเป็นธรรมเป็นที่ยอมรับทั้งผู้ออกกฏและผู้ปฏิบัติตาม ตลอดจนทุกคนในสังคมยินยอมพร้อมใจปฏิบัติตามกฎหมาย
2. หลักคุณธรรมได้แก่ การยึดมั่นในความถูกต้องดีงาม ซื่อสัตย์ จริงใจ ขยัน อดทน มีระเบียบ ตลอดจนมีความชอบธรรมในการใช้อำนาจ
3. หลักความโปร่งใสมีการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างตรงไปตรงมาด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวก เปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว ไม่บิดเบือนหรือปิดบังบางส่วน
4. หลักความมีส่วนร่วมได้แก่การเปิดโอกาสให้ทุกคนในสังคมมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เราทำทั้งร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ไข และร่วมรับผิดชอบ
5. หลักความรับผิดชอบตรวจสอบได้นอกจากจะต้องมีความรับผิดชอบแล้วยังต้องสร้างกระบวนการให้หน่วยงานต่างๆมาตรวจสอบได้ว่าการทำงานของเราโปร่งใสจริง
6. หลักความคุ้มค่าได้แก่การบริหารจัดการและใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุ้มเงิน คุ้ม เวลา คุ้มแรงงาน หากผู้บริหารทุกคนยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารสถานศึกษาแล้ว รับรองได้ว่าจะต้องนำพาสถานศึกษาสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน
ประวัติส่วนตัว ชื่อนายสมเชาว์ แก้ววงษาสัญชาติ ไทย เชื้อชาติ ไทย ศาสนา พุทธเกิดวันที่ 20 มีนาคม 2503ที่ภูมิลำเน บ้านเลขที่ 258/1 ถนน เจริญรัฐ ตำบล กุดป่อง อำเภอเมือง จังหวัดเลย รหัสไปรษณีย์ 42000 โทร. 08-57504199ชื่อบิดานายอินตอง แก้ววงษา อาชีพ ค้าขายชื่อ มารดา นางลำดวน
ศรียา อาชีพ แม่บ้าน สถานภาพ สมรสภรรยาชื่อนางอุบล แก้ววงษา อาชีพ ข้าราชการครูมีบุตร 2 คน
1. นายศิวโรตม์ แก้ววงษา (พี่หนุ่ม)
2. นายศิวพงษ์ แก้ววงษา(น้องลอตเต้)
ตลอดระยะเวลาการทำงานซึ่งไม่นานนัก กลับมีความ รู้สึกผูกพัน รักสถาบัน รักลูกศิษย์ เคารพเชื่อมั่นในผู้บังคับบัญชา และรับรู้ถึงมิตรภาพอันดีระหว่างเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานอย่างยิ่ง....... ในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย หรือกิจกรรมที่สร้าง สรรค์ขึ้นด้วยตัวเอง ล้วนอยู่บนพื้นฐานความคิดที่จะพัฒนาคุณภาพของนักเรียน โรงเรียน ด้วยความจริงใจ ประสงค์ดีทั้งสิ้น จนทำให้เกิดผลงานและความดีที่รู้สึกภาคภูมิใจ...
สำหรับการทำงานนั้น ถึงเหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง แต่เพื่อสถาบันของตนเอง เพื่อลูกศิษย์ และคณะครูทุกท่านแล้ว การทำงานในครั้งนี้ ไม่มีคำว่าสูญปล่า อย่างน้อยเราก็ได้ทำในสิ่งที่เรารัก ที่เราชอบ และสิ่งที่เราทำลงไปแล้วนั้น ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า วันหนึ่งมันคงมีประโยชน์ต่อส่วนรวมที่เรารัก ไม่มากก็น้อย.............................
สมเชาว์ แก้ววงษา
รองผู้อำนวยการโรงเรียนเชียงกลมวิทยา.
27 กันยายน 2550
11.35 น.
คนขลาด. . . คือคนที่ไม่กล้าออกเดินทาง
คนอ่อนแอ. . . มักตายไประหว่างทาง
คนแข็งแกร่งเท่านั้น. . . ที่ไปถึงจุดหมาย