"CoP รอดไม่รอดขึ้นกับอะไร?"
เป็นหัวข้อสัมมนาที่น่าสนใจมากหัวข้อหนึ่งในงาน วันนี้ ค่ะ...เพราะเป็นปัญหาในใจของดิฉันเองว่า เมื่อ KM เกิดขึ้นมาแล้ว มีชุมชนนักปฏิบัติแล้ว ทำอย่างไรจะให้ยั่งยืน ทำอย่างไร จะให้มีกิจกรรมในชุมชนไปเรื่อย ๆ ทำอย่างไรจะให้ KM เข้าไปในสายเลือดของผู้คนในหน่วยงาน แม้กระทั่งตัวเอง ซึ่งจะบอกว่า "งานล้นมือ" ก็คงไม่ผิด ซึ่งจะเห็นว่า เมื่อก่อนหน้านี้จะเข้ามาเขียน Blog บ้างเป็นระยะ แต่มาระยะหลัง ๆ จนครั้งนี้ ห่างหายไปนานมากกก จนจะจำ password เข้าไม่ได้ : (
เมื่อได้เข้าไปร่วมสัมมนาในครั้งนี้ ทำให้อยากเขียน Blog ต่อ อยากได้รู้จักกลุ่ม Bloggers ต่าง ๆ มากมายที่เห็น ท่านครูบาสุทธินันท์ ได้กล่าวถึงในงาน แต่บางคนก็ได้อ่านได้เห็นบ้างแล้วในที่นี้ แต่ก็ยังไม่รู้จักมักคุ้นกันเป็น f2f เลย จึงคิดว่า จะเริ่มกับมาเขียน-อ่าน ลปรร อีกสักที แต่ต่อ ๆ ไปเรื่อย ๆ โดยไม่ห่างหายไปนานแบบนี้
CoP รอดไม่รอดขึ้นกับอะไร? มีปัจจัยหลายอย่างที่วิทยากรได้แนะนำไว้ ก็จะได้นำมาปฏิบัติต่อไป เพื่อให้ CoP ของงานที่ทำอยู่ "รอด" หรือดำรงอยู่ต่อไปได้ มีการเรียนรู้ซึ่งกันและกันในกลุ่มงานย่อย หรือใน CoP เล็ก ๆ ของเราในห้องสมุดนี้ และคิดว่า น่าจะ
1. ให้ทุกคนในกลุ่มงานได้รู้จัก และลึกซึ้งในคำว่า KM ก่อน (เหมือนที่ตัวเองได้เรียนรู้มา)
2. ค่อย ๆ พากลุ่มเริ่มทำกิจกรรม ลปรร. แบบต่าง ๆ เช่น เขียน Blog. ชวนคุย. ชวนคิด แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน ตลอดจนทำกิจกรรมนอกสถานที่ ศึกษาดูงาน Learnig by doing
3. ทำโครงการ KM เป็นเรื่องเป็นราวในกลุ่มงาน
4. บรรจุโครงการ KM สัก 1 โครงการต่อปี นับจากปีงบประมาณ 2551 เป็นต้นไป
สิ่งที่เห็นในการสัมมนาครั้งนี้
ผู้เข้าร่วมสัมมนาบางคน คุ้นเคยกับ KM มามากแล้ว ในขณะที่บางคนยังไม่รู้จักว่า KM คืออะไร และจะทำอย่างไรบ้าง ทำให้การรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมในวันนี้น อาจจะไม่สำเร็จ และอาจจะด้วยเวลาจำกัด เร่งรีบกับเวลา จึงไม่ประสบผลสำเร็จในกิจกรรมที่ทำ
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ได้มากกว่า ผลสำเร็จของกิจกรรมกลุ่มเล็ก ๆ ที่ทำก็คือ การได้รู้จักกับเพื่อน ๆ ในหน่วยงานอื่น บ้าง (กลุ่มเช้า) แต่กลุ่มบ่ายยังไม่ทันรู้จักกันหมดเลย วิทยากรก็แจกคำถามให้หาคำตอบ ทุกคนก็มุ่งหาคำตอบ ทำให้ลืมขั้นตอนการทำความรู้จักกันในกลุ่มไป แต่ก็คุยกันได้
สิ่งที่ไม่รู้มาก่อนในงานวันนี้
ไม่ทราบว่าหน่วยงานไม่ทราบ หรือไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมส่งโครงการ KM เข้าประกวด เป็นที่น่าเสียดายที่หน่วยงานของเรามีกิจกรรม KM แต่ไม่ได้ส่งเข้าประกวด การส่งเข้าประกวดไม่ได้มุ่งหวังรางวัล แต่จะบอกกับสังคมหรือประชาคม MSU-KM ว่าเราก็มีกิจกรรม KM ดี ๆ ทำเช่นหน่วยงานอื่นค่ะ หวังว่าปีหน้าพวกเราคงมีโอกาสได้นำเสนอค่ะ
สำหรับเช้านี้ขอพักไว้ก่อนค่ะ...แล้วจะมาเพิ่มบันทึกอีกทีนะคะ...
รวดเร็วดีจังค่ะ สรุปสาระด้วยและหวังว่า KM ของเราชาวสำนักจะยั่งยืนต่อไปด้วยการทำ CoP กลุ่มงานอย่างต่อเนื่องตลอดไปค่ะ สู้ ๆ ..
ต้องขอขอบคุณ พี่รุ่งฤดี และน้องเอก นะคะที่เข้ามาร่วมแจม ลปรร. กัน
ป้อมก็หวังอย่างงั้นค่ะ..ว่า CoP ของสำนักเราจะเริ่มต้นและรอดในที่สุด แต่รอดแล้วไม่พอ ต้องยั่งยืน
สำหรับน้องเอก
พี่ก็เข้าใจเช่นเดียวกันกับน้องเอก แต่ KM มีกระบวนการของเค้าอยู่นะคะ...ว่ามีขั้นตอนไหนบ้าง
จากความรู้ที่อยู่ในตัวคน (เน้น) ออกมาเป็นความรู้ที่ผู้อื่นสามารถศึกษาต่อยอดได้ ซึ่ง พอออกมาแล้วจะต้องมีการจดบันทึกไว้เพื่อคนที่ไม่รู้ได้ศึกษาต่อ
นี่เป็นความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ KM ทำได้หลายวิธี และมีกระบวนการ (พี่เข้าใจอย่างงั้น)
สวัสดีค่ะ
ขออนุญาต ลปรร นะคะ โดยส่วนตัวของพี่หนิง
การจัดการความรู้ ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ สุดท้าย (หรือเป้าหมาย) ก็ คือ พัฒนาคน พัฒนางาน พัฒนาฐานความรู้
พี่หนิงเองเข้ามาตรงนี้ แรกเลยที่เดียว ก็คือ รู้สึกอยากให้คนอื่นรู้ว่า มีงาน DSS อยู่ที่ มมส นะคะ เข้ามาเขียน blog ใน gotoknow ด้วยการ serch มาเรื่อยเปื่อย มาเจอเข้าก็เลยนึกสนุก สมัครเอง เขียนเอง (ตั้งแต่ 6 กย 49 ) มาเองเดี่ยวๆ ไม่รู้จักใครก่อน แต่ก็ได้กำลังใจและการเข้ามาร่วม ลปรร จาก กัลยาณมิตร ใน G2K รู้สึกดีใจที่มีคนเห็น
ก็ผ่านมาเรื่อยๆ แม้จะเขียนไม่มาก เพราะไม่ค่อยถนัด แต่ก็ทำให้เราได้ฝึกเขียน ฝึกเล่า อ่ะค่ะ อันนี้ได้พัฒนาตนเอง แล้ว
วันดีคืนดี คณะอนุกรรมการการจัดการความรู้ในองค์กร ของมหาวิทยาลัย (MSU-KM team ) มาอ่านเจอ แล้วเห็นว่าเรื่องที่ทำ สอดคล้องกับ ธง ของงาน UKM-8 ที่ว่า การพัฒนาทุนมนุษย์ จึงชวนให้ร่วมไป UKM-8 ที่ม.นเรศวร เมื่อ ต้นเดือน พย.49 อ่ะค่ะ แล้วเวที UKM-8 นี้เอง ที่เรื่องเล่าของพี่หนิงได้รับ คำนิยมให้ เรื่องเล่าเร้าพลัง ระดับ best practice มีกำลังใจมากขึ้นอีกค่ะ ที่จะทำงาน DSS ต่อไป อยากจะทำนู่น ทำนี่ พัฒนางานยิ่งขึ้นๆ โครงการต่างๆ ผุดขึ้นมา เครือข่ายความร่วมมือขยายออกไป พัฒนาฐานความรู้ออกไป มีคนรู้เรื่องนิสิตตาบอดว่าเรียนหนังสือกันอย่างไร มากขึ้น ได้มีโอกาสไปพัฒนาตนเพิ่มขึ้น เป็นวิทยากร และสร้างอาสาสมัครช่วยเหลือเพื่อนพิการมากขึ้นค่ะ
กดเร็วไป
ถ้าไม่รู้จัก G2K ไม่ทราบว่าป่านนี้ จะมีคนรู้จัก DSS แค่ไหน จริงๆแล้ว DSS มีอยู่หลายมหาวิทยาลัยนะคะ แต่รู้กันแค่ในวงของคน ทำงาน DSS คนอื่นๆไม่ค่อยรู้
และการที่ DSS ของมมส ก้าวไปได้ไว (จากคำชื่นชมของ สกอ. ) ทั้งที่เรามีกัน แค่ 2 คน มีนิสิตพิการสนใจจะเข้ามาเรียนที่ มมส. มากขึ้น (ปัจจุบัน 27 คน) นอกจากหลักสูตรน่าสนใจแล้ว เขานึกถึง DSS ของมมส.ค่ะ เป็นกำลังใจของคนทำงาน
แต่ DSS จะมาไม่ถึงตรงนี้ได้เลย ถ้าไม่มีอาสาสมัครเพื่อนช่วยเรียนทุกๆคนค่ะ อิอิ ดีใจมากเลยที่โครงการอาสาสมัครกับการจัดการความรู้ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ได้รับรางวัลค่ะ
สวัสดีค่ะ
ยินดีมากเลยค่ะที่พี่หนิงเข้ามาร่วม ลปรร. ค่ะ...
ป้อมก็รู้จัก DSS ก็จาก G2K นี่ล่ะค่ะ...
และยินดีด้วยนะคะที่ได้รับรางวัล หากมีคราวหน้า สำนักวิทยบริการคงไม่พลาดค่ะ...
ยินดีมากค่ะ catwoman
ถ้าเป็นไปได้เข้ามา ลปรร. ในบันทึก บรรณารักษ์วิเคราะห์ นะคะ...วง CATALOG ของเราจะได้กว้างขึ้น
เข้ามาให้กำลังใจอีกคนนะคะ
ขอบใจจ้า khunnupam มา ลปรร. ก็ได้นะจ๊ะ...
ขอบคุณท่าน ผอ.เม็กดำ 1 ค่ะ...ชี้แนะด้วยนะคะ..