โครงงานวิทยาศาสตร์
เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียน
นําวิธีการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการแก้ปัญหาอย่างมีขั้นตอน
ส่งเสริมให้นักเรียนได้คิดวิเคราะหด้วยตนเอง
มีความคิดสร้างสรรครู้จักประดิษฐ
คิดค้น
หาความรู้ด้วยตนเอง
ซึ่งมีความสําคัญต่อการพัฒนาบุคลากร
อันส่งผลต่อการพัฒนาเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งมีทั้งหมด 4 ประเภทด้วยกัน
1. ประเภทการสํารวจ
รวบรวมข้อมูลจากธรรมชาติ
2. ประเภทการทดลอง เพื่อศึกษาปรากฎการณ์ อย่างใดอย่างหนึ่ง
3. ประเภทการประดิษฐ์ เป็นการคิดค้นวิธีการใหม่
ๆ
4.ประเภททฤษฎี การอธิบายปรากฎการณ์ต่างๆ ในแนวใหม่
ประเภททดลอง
เช่น
-
การศึกษาอิทธิพลของแสงสีต่างๆ
ต่อการเจริญเติบโตของพืช
-การลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซดในอากาศ
-
การใช้ผักตบชวาในการกําจัดของเสีย
-การศึกษาการเจริญของพืชที่ปลูกในวัสดุต่างกัน
-
การใช้พืชสมุนไพรกําจัดลูกน้ำ
-
การศึกษาการใช้เส้นใยจากต้นกล้วยในการทํากระดาษ
ประเภททฤษฎี
โครงงานประเภทนี้จะต้องนําเสนอแนวคิดใหม่ๆ
โดยมีหลักการทางวิทยาศาสตร
หรือการอธิบายเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างมีเหตุผล
หรือการอธิบายปรากฏการณเก่าในแนวใหม อาจเสนอในรูปคําอธิบาย สูตร
สมการ โดยมีข้อมูลสนับสนุนอ้างอิง
ผู้ทําจะต้องมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์เป็นอย่างดี
และต้องศึกษาค้นคว้าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องอย่างมาก
ประเภทสิ่งประดิษฐ์
-
เครื่องให้อาหารสุนัขอัตโนมัติ
- เครื่องวัดความเค็มราคาถูก
-เครื่องวดความเร็วลม
-เครื่องปิด
เปิดระบบให้น้ำในไร่อัตโนมัติ
-เครื่องไล่ยุง
กําจัดยุง
-เครื่องปอกเปลือกมะพร้าว
ฯลฯ
(แต่สิ่งประดิฐษ์จะต้องมีขั้นตอนทางวิทยาศาตร์
ถ้าไม่มีการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูลมาศึกษาวิเคราะห์แล้วก็จะไม่ถือว่าเป็นโครงงาน
แต่จะจัดให้เป็นได้แค่สิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้นคนับครับ
ข้อนี้ควรระวังเป็นอย่างยิ่ง)
ประเภทสำรวจ
-
การสำรวจสัตว์ป่า
- การสำรวจชนิดของปลาในแม่น้ำ ,
คลอง
-
การสำรวจความหลากหลายของพรรณพืชในแต่ละท้องที่
ข้อควรคำนึงในการทำโครงงาน
1. เตรียมวัสดุ อุปกรณ์และสถานที่
2.
จดบันทึกกิจกรรมประจําวันว่าทําอะไรไปบ้าง
ผลเป็นอย่างไร
3.
ทําการทดลองอย่างรอบคอบ
4.
บันทึกข้อมูลให้เป็นระเบียบครบถ้วน
5. ประหยัด
และปลอดภัย
6. ทําตามแผน
อาจเพิ่มเติมได้ถ้าคิดว่าทําให้ผลงานดีขึ้น
7. ควรทําการทดลองซ้ำ
เพื่อให้ข้อมูลที่เชื่อถือได้
8.
ควรทํางานเป็นขั้นตอน
9.
ถ้าเป็นสิ่งประดิษฐควรคํานึงถึงความคงทน
แข็งแรง ความเหมาะสมของขนาด
10. ไม่ควรเลือกเรื่องที่คนทั่วไปเขารู้ๆกันแล้ว
11.
ควรเลือกเรื่องที่สามารถนำมาใช้แก้ปัยหา
หรือใช้ประโยชน์ได้
ยิ่งมีประโยชน์ต่อสถานการณ์ปัจจุบันมากเท่าไร
ก็ยิ่งมีคุณค่ามากเท่านั้น
ผู้เกี่ยวข้องในการทำโครงงาน
1. ครู หรืออาจารยที่ปรึกษา
2.
ผู้บริหารโรงเรียน
3.
นักเรียนที่ทําโครงงานวิทยาศาสตร์
4. ผู้ทรงคุณวุฒิ
หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
5.
ผู้ปกครอง
บทบาทของครูในการทำโครงงาน
1.
ครูควรกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจในการทําโครงงานวิทยาสาสตร์
2.
แนะแนวให้นักเรียนรู้หลักการและวิธีการในการทําโครงงาน
ฯ
3.
จัดกิจกรรมเพื่อช่วยให้นักเรียนสัมผัสกับปัญหา
หรือมองเห็นปัญหา
4.
แนะแนวทางแก่นักเรียนในการเลือกหัวข้อเรื่อง
หรือปัญหาที่จะศึกษา
5.
ให้คําปรึกษากับนักเรียนในการวางแผนดําเนินงาน
6.
อํานวยความสะดวกกับนักเรียนในการทําโครงงาน
ฯ
7. ติดตามการทําโครงงาน ฯ
ทุกระยะ
คอยให้คําปรึกษา หรือช่วยเหลือเมื่อจําเป็น
8. ให้คําปรึกษาในการเขียนโครงงาน
ฯ
9.
ให้โอกาสนักเรียนได้แสดงผลงานต่อผู้อื่นตามโอกาสที่เหมาะสม
ในรูปแบบต่างๆ
10.
ประเมินผลการทําโครงงานฯของนักเรียน
บทบาทของนักเรียนในการทำโครงงาน
1. ริเริ่ม
และเลือกเรื่องที่จะศึกษา
2.
ออกแบบการทดลอง
3.
ดำเนินการทดลอง
4.
สรุปผลการทดลอง
5.
เสนอผลการทดลอง
การเขียนบทคัดย่อ
การเขียนบทคัดย่อโดยทั่วๆ ไปจะมีความยาวประมาณ 400 คํา
เขียนให้สั้น กระชับ
กินความมากที่สุดเท่าที่จะทําได้ให้รวบรวมเนื้อหาทั้งเล่มนั้น
มาอยู่ใน 400 คำ ในบทคัดย่อไม่ต้องไอ้างอิงผลงานวิจัย
ไม่ต้องแสดงรายละเอียด
หรือใช้คําพูดซ้ำในเรื่องที่ควรจะรู้กันอยู่แล้ว
ซึ่งมีลักษณะดังนี้
1.
เป็นเรื่องย่อที่ถูกนําแยกส่วนไปจากบทความเรื่องเต็ม
2.
เป็นเรื่องย่อหรือเรื่องสั้นที่มีความสมบูรณ์ในตัวอง
3. ไม่ช่ย่อความ
ที่ย่อสรุปเฉพาะผลการศึกษา วิจัยหรือ
เรื่องในตอนใดตอนหนึ่ง
4. มีเนื้อหาครบถ้วนตั้งแต่
ความสําคัญของการศึกษา
วัตถุประสงค์ วิธีการ ผลวิจัย และสรุปผล
ผู้เขียนควรเข้าใจความสําคัญและหน้าที่ของบทคัดย่อเสียก่อน
เพื่อที่จะได้เขียนบทคัดย่อใหถูกต้อง
ตรงตามบทบาทของบทคัดย่อ
โครงงาน 5 บท
เขียนอย่างไร
บทที่ 1 บทนำ
-
ที่มาและความสำคัญ/ปัญหา
-
จุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า
-
สมมุติบานของการศึกษาค้นคว้า
-
ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง
1. ตัวแปรต้น
2. ตัวแปรตาม
3. ตัวแปรควบคุม
-
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
1. สถานที่
2. ระยะเวลา
3.
สิ่งที่จะศึกษา
เช่นชนิด,จำนวนพืชที่จะศึกษา
-
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 3 อุปกรณ์และวิธีการดำเนินการ
-
อุปกรณ์และวัสดุที่ใช้ในการศึกษา
- ขั้นตอนการดำเนินงาน
บทที่ 4
ผลการศึกษาและอภิปรายผลการศึกษา
-
ผลการศึกษา
เป็นขั้นตอนเลือกรูปแบบวิธีการนำเสนอที่เหมาะสม
เพื่อให้เข้าใจง่ายและเป็นระเบียบเป็นระบบ
เลือกให้สอดคล้องกับรูปแบบข้อมูลที่จะนำเสนอ ดังนี้
เช่น
1. กราฟแท่ง
2. กราฟเส้น
3. ตาราง
4. สัดส่วนวงกลม
5. อธิบายธรรมดา
- อภิปรายผลการศึกษา
บทที่ 5
สรุปผลการทดลอง/
ข้อเสนอแนะ/
ประโยชน์ที่ได้รับ
- สรุปผลการทดลอง
- ข้อเสนอแนะ
- ประโยชน์ที่ได้รับ
- บรรณานุกรม
ยังไม่จบเว็บมีปัญหากำลังแก้ไขครับ