ผู้คนในชุมชนต่างพากันนัดหมายกันตั้งแต่กลางวัน เพื่อบอกกล่าวให้เพื่อนบ้านที่พอมีอันจะกินนำข้าวปลาอาหารหรือข้าวของเครื่องใช้ที่ใช้กับการอุปโภคบริโภค มาบริจาคและรวบรวมไว้ ส่วนใหญ่จะรวมกันไว้ที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน พอตอนกลางคืนประมาณ ๒ - ๓ ทุ่ม ทุกคนในชุมชนต่างพากันมารวมตัวกันยังจุดนัดพบ แล้วก็ต่างช่วยกันนำข้าวของที่ได้รับบริจาคนำไปวางไว้ที่บันไดบ้านของคนยากจน หรือบางครั้งอาจจะนำไปวางไว้บนชานบ้านของผู้สูงอายุอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้เจ้าของบ้านได้ยินแม้แต่นิดเดียว หลังจากนั้นก็จะช่วยกันตะโกนด้วยเสียงอันดังลั่น หรือบางทีจะพากันจุดประทัดเสียงดังลั่น เสียงดังลั่นเหล่านั้นทำให้เจ้าของบ้านตกใจตื่นรีบลุกจากที่นอนวิ่งออกมานอกบ้านด้วยความตื่นตกใจ ทันใดนั้นก็ทำให้คนยากจนได้มองเห็นข้าวของเครื่องใช้มากมายที่กองรวมกันอยู่ที่ชานบ้าน และเห็นผู้คนในชุมชนต่างพากันมามากหน้าหลายตาก็ทำให้รู้ตัวว่าผู้คนเหล่านั้นเป็นผู้ที่ใจบุญนำข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มาบริจาคให้กับตนเอง เมื่อคนยากจนหายจากความตกใจบ้างแล้วก็จะให้ศีลให้พรและขอบอกขอบใจแก่ผู้คนที่นำข้าวของเครื่องใช้มาบริจาคให้แก่ตนเอง ผู้ชายบางส่วนก็จะช่วยกันขนของที่นำมาตานต้อดเข้าไปเก็บไว้ในบ้านให้ จากนั้นผู้คนที่ไปร่วมกันตานต้อดก็ต่างแยกย้ายพากันกลับไปพักผ่อนนอนหลับยังบ้านเรือนของตนเองอย่างมีความสุข
ปัจจุบันตานต้อดยังมีให้เห็นในชุมชนชนบทที่ยังอยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย อย่างเช่น ในตำบลบ้านปิน อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยาการทำบุญแบบนี้อยากให้อนุรักษ์กันไว้เพราะช่วยคนที่ลำบากแล้ว ยังช่วยสร้างจิตใจที่งดงามให้กับคนในชุมชน