ขั้นที่ ๔ ของกระบวนการวิจัยเชิงประจักษ์คือ "การวิเคราะห์ข้อมูล"
เมื่อเราได้ข้อมูลมาแล้วจากขั้นที่ ๓ เราก็นำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อทดสอบ H ผลการวิเคราะห์จะได้ค่าสถิติต่างๆ
ขั้นที่ ๕ เป็นขั้นสรุปผลการวิจัย
ในขั้นนี้เป็นขั้นที่เรา "ตีความ"ค่าสถิติต่างๆที่ได้จากขั้นที่ ๔ และลงความเห็นว่า "ผลสนับสนุน" หรือว่า "ไม่สนับสนุน H" จากนั้นเราอภิปรายผล ความรู้ที่ได้จากการวิจัยนี้ก็คือ "สมมุติฐานที่เราทดสอบแล้ว"
ถ้าค่าสัมประสิทธ์ของสหสัมพันธ์ "ต่ำ" เราก็ต้องปรับปรุงแบบสอบถาม แล้วนำไปดำเนืนการวิจัย "ซ้ำ" ตามขั้นที่ (๑) - (๕) อีกครั้ง ถ้ามีค่าสูงขึ้น แต่เรายังไม่พอใจ เราก็ปรับปรุงอีก แล้วทำการวิจัยอีก เป็นดังนี้เรื่อยไป จนกระทั่งเราได้ค่าสหสัมพันธ์สูงจนเป็นที่พอใจ จึงยุติ การกระทำดังที่กล่าวมานี้แหละคือ "การวิจัยและพัฒนา หรือ R&D"
การวิจัยและพัฒนานี้ เราไม่ทำกันใน PURE Science หรือ PURE Reseach เราทำกันในกรณีของ Applied science หรือ Applied reseach หรือ เทคโนโลยี
ตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างง่ายๆ ผมมีเป้าหมายเพื่อชี้ว่า อย่างนี้ก็ R&D ถ้าทำกันจริงๆ จะซับซ้อนกว่านี้อีกมากครับ
อ้อ -- เมื่อมาถึงตรงนี้ก็อยากเสนอแนะว่า ในกรณีที่เป็นนักศึกษา ต้องทำวิจัยเพื่อเป็นวืทยานิพนธ์ขอรับปริญญานั้น ถ้าท่านเรียนอยู่ในสาขาวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ หรือวิทยาศาสตร์สังคม ท่านทำวิทยานิพนธ์แบบเทคโนโลยีแล้ว โดยหลักการ ท่านทำไม่ได้!! อาจารย์ที่ปรึกษาเขาไม่ยอมครับ ในทางตรงข้าม ถ้าท่านอยู่ในสาขาทางเทคโนโลยี แล้วท่านไปทำเรื่องเกี่ยววิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ ก็ไม่ได้ คือเสียจุดยืนไป แต่ถ้าท่านยังดื้อทำไป และมหาวิทยาลัยก็ไม่ว่าอะไร แล้ว ---- ใครจะทำไม่?!!!
ดร. ไสว เลี่ยมแก้ว
อาจารย์หายปีหลายวันอีกแล้ว......
เจริญพร