(6):แพทย์ชนบทดีเด่น
ช่วงที่อยู่บ้านตาก 10 ปี สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ พัฒนาหลายๆอย่างได้ด้วยปัจจัยเอื้อมากมาย ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ประสบการณ์พิ่มเติมและได้รับความภาคภูมิใจหลายๆอย่างเข้ามาในชีวิตทั้งในส่วนตัวและโรงพยาบาล
อยู่บ้านตากได้ 3 ปี ทาง สสจ.ตากได้ส่งชื่อเพื่อคัดเลือกแพทย์ดีเด่นของศิริราชพยาบาล อาจารย์ได้มาดูที่โรงพยาบาลและก็ได้เกียรติบัตรผู้มีผลงานดีเด่นในชนบท ปีต่อมาก็ได้อีก แต่ยังไม่ใช่แพทย์ดีเด่นของปีนั้นๆ ทาง สสจ.ตากจะส่งชื่อผมอีก ผมก็บอกขอไม่ส่งแล้ว เพราะได้รางวัลหรือไม่ได้ก็ทำงานเต็มที่อยู่แล้ว
พอมาปี 2547 ทางนายอำเภอบ้านตากชื่อนายพัลลภ ศรีภา ที่ผมได้ทำงานร่วมกับท่านทั้งงานสาธารณสุขและงานอื่นๆของอำเภอ ได้ส่งชื่อผมไปให้กับมูลนิธิแพทย์ชนบทและทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล แต่ผมเรียนท่านว่าผมขอไม่ส่งไป ท่านบอกว่าการเสนอชื่อเป็นเรื่องของท่านและให้ผมทำเอกสารสรุปผลงานไปให้ท่าน ผมก็ทำไปแบบธรรมดาๆ ท่านก็ตีกลับมาขอข้อมูลและให้ทำใหม่ ให้ใส่รูปผลงานไปด้วย ผมเคารพและศรัทธาท่านมาก ก็ไม่อยากขัดใจ ก็ทำส่งไปให้ใหม่ ปรากฏว่า พอคณะกรรมการมาคัดเลือกทั้งสองรางวัล ก็ได้ตัดสินให้ผมได้รับรางวัล
แพทย์ชนบทดีเด่น กองทุนนายแพทย์กนกศักดิ์ พูลเกษร มูลนิธิแพทย์ชนบท มีคณะกรรมการจากมูลนิธิแพทย์ชนบท มาพิจารณาที่โรงพยาบาล หนึ่งในกรรมการคือพี่สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ท่านก็ชมว่าผลการดำเนินงานและการพัฒนาโรงพยาบาลและชุมชนโดดเด่นมาก ตอนหลังที่ผมได้รับรางวัลแล้ว ท่านเป็นนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี ท่านก็ได้พาทีมงานทั้งใน สสจ. โรงพยาบาลและสาธารณสุขอำเภอมาดูงานด้วย ปี 2547 ผมได้รับรางวัลร่วมกับพี่ซุลกิฟลี ยูโซะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลไม้แก่น พี่เขาน่ารักมาก เป็นคนดีมาก เป็นมุสลิม สนิทกันมากหลังจากไปเที่ยวที่คุนหมิงด้วยกัน ยังติดต่อกันทุกวันนี้ ผมดูแล้วเรื่องศาสนาไม่ใช่อุปสรรคของมิตรภาพเลย อีกคนที่มารุ้จักทีหลังก็เป็นมุสลิมชื่อพี่อั๋นหรืออนุชิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนที่ปัตตานีอีกคนที่น่ารักมาเช่นกัน เพิ่งได้รับรางวัลแพทย์ชนบทดีเด่นกองทุนนายแพทย์กนกศักดิ์ พูลเกษร มูลนิธิแพทย์ชนบท ปี 2550 พร้อมกับหมอธวัชชัย ยิ่งทวีศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าสองยาง จังหวัดตาก ซึ่งธวัชชัยเคยเป็นแพทย์ประจำอยู่กับผม 1 ปี ก็เป็นคนน่ารัก นิสัยดีเช่นกัน ก่อนมาเบลเยียมผมได้มีโอกาสไปปัตตานี ได้พบกับพี่ซุลกิฟลี ได้คุยกันพักใหญ่เหมือนกัน พี่ซุลยังคงน่ารัก เป็นกันเองอยู่เหมือนเดิม
ตอนรับรางวัล ผมรับโล่รางวัลจากอาจารย์หมอมรกต กรเกษม ตอนนั้นท่านเป็นประธานมูลนิธิแพทย์ชนบท ตอนหลังผมก็ได้มีโอกาสใกล้ชิดอาจารย์จากการที่ไปเป็นทีมงานเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามอาจารย์หลายครั้ง อาจารย์เป็นคนดีที่น่ารักมาก
หลังจากนั้นประมาณ 4 เดือน ผลการประกาศรางวัลแพทย์ดีเด่นในชนบทประจำปี 2547 ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ก็ประกาศผลว่า ผมได้รับรางวัล วันที่ไปรับรางวัลก็มีครอบครัวไปด้วย ผมได้กล่าวปาฐกถาอุดม โปษกฤษณะ ในเรื่อง ไร้รูปแบบแต่ไม่ไร้หลักการ (อ่านได้ในบันทึกก่อนๆครับ) ได้รับความสนใจมาก หลังจากนั้นก็มีหนังสือพิมพ์ วารสารและรายการทีวีมาสัมภาษณ์หลายรายการ การเป็นที่รู้จักมากขึ้น ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่เราจะต้องรู้จักวางตัวมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด จะได้ไม่เสียชื่อรางวัลเขา ก็ทำให้สุขุมรอบคอบมากขึ้น จนต้องเตือนตัวเองเสมอว่า ต้องกล้าที่จะผิดพลาด หากเป็นการทำสิ่งดีๆในงาน เนื่องจากเราอาจพบกับความล้มเหลวได้มากกว่าความผิดพลาด ถ้ากลัวเสียชื่อ กลัวล้มเหลว เราก็จะไม่กล้าทำสิ่งใหม่ กลายเป็นติดอยู่ในกับดักความสำเร็จไปได้ ถ้าเป็นนักกีฬาก็จะมีประโยคหนึ่งที่ว่า การเป็นแชมป์ยาก แต่การรักษาแชมป์ยากกว่า อันนี้สอดคล้องกับที่พ่อเคยสอนไว้ว่า จงเป็นดั่งเกลือรักษาความเค็ม และ ต้นตรงปลายตรง ก็คือทำความดีเป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลาย หรือเคยปฏิบัติกับคนอื่นๆดีอยางไร ก็ปฏิบัติอย่างนั้นไปตลอด ไม่ว่าเขาคนนั้นจะมีตำแหน่งหรือมีทรัพย์สินมากขึ้นหรือน้อยลง เราก็ยังคงเป็นเรา
ในปีเดียวกันนี้ ตอนจัดงานประชุมวิชาการสาธารณสุขที่จังหวัดภูเก็ต ก็ได้มีการคัดเลือกบุคลากรสาขาต่างๆของกระทรวงให้ได้รับโล่รางวัล คนดีศรีสาธารณสุข ผมก็เป็นหนึ่งใน 18 คนที่ได้รับรางวัลด้วย โดยผู้ที่คิดรางวัลนี้ขึ้นมาคืออาจารย์หมอจรัญ อดีตรักษาการปลัดกระทรวงสาธารณสุขในปีนั้น
ในปี 2545 ผมก็ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น ระดับ 6-8 ได้รับเกียรติบัตรพร้อมครุฑทองคำจากนายกรัฐมนตรีด้วย
ตอนที่ทีมงานผู้ประเมินของศิริราชมาประเมินที่โรงพยาบาล อาจารย์บอกแต่วันที่ แต่ไม่บอกเวลา ตอนพักเที่ยงอาจารย์ก็มากัน 6 ท่าน มาเดินดูโรงพยาบาลในภาพรวมทั้งหมด พอบ่ายโมงอาจารย์ก็มาคุยด้วยบอกว่า โรงพยาบาลหมอนี่สะอาดจริงๆ ไม่มีผักชี ทั้งด้านหน้าและด้านหลังโรงพยาบาล มีคำถามจากอาจารย์ว่า ผมจะอยู่โรงพยาบาลชุมชนไปนานแค่ไหน ผมบอกอาจารย์ว่าผมคงตอบไม่ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่คิดจะไปไหน ยังสนุกกับงานที่บ้านตากอยู่ และอีกคำถามหนึ่งก็คือภายใน 5 ปี จะเล่นการเมืองไหม ผมตอบได้อย่างมั่นใจเลยว่าไม่เล่น สำหรับผมแล้วการรักษาคำพูดเป็นเรื่องงสำคัญมาก ผมจะไม่รับปากอะไรถ้าผมไม่มั่นใจ แต่ถ้าผมรับปากไปแล้ว ผมก็จะต้องทำให้ได้
ตอนรับรางวัลที่ศิริราช หลังจากผมกล่าวปาฐกถาจบ อาจารย์หมอปิยสกล คณบดี ได้มาพูดกับผมว่า เป็นปาฐกถาที่ดีมาก
หลังจากได้รับรางวัลแล้ว มีรูปและประวัติผมลงหนังสือพิมพ์มติชน พี่ศิริ เป็นเจ้าของร้านถ่ายเอกสารที่บ้านตากได้ถ่ายเอกสารเอามาติดที่หน้าร้านแก ทุกวันนี้รูปนี้ก็ยังอยู่ เราสนิทกันมากเหมือนกัน พี่ศิริเป็นคนน่ารัก ตอนผมปิดคลินิก แกบอกว่า ถ้าผมไม่สบายแล้วผมจะไปหาใครล่ะ ผมก็บอกว่าไปที่ไหนก็ได้ คอนหลังแกก็ไม่บ่นอีกเลย ตอนที่น้องตุ๊กตาลูกสาวพี่ศิริจะสอบเข้าเรียนพยาบาลหลังจบชั้น ม. 6 พี่เขาก็โทรมาปรึกษาผม ผมก็ให้คำปรึกษาไป ก็เลยยิ่งมีมิตรภาพที่ดีต่อกันมาก ผมว่าคนเรา ถ้าเปิดใจ ไม่เห็นแก่ตัว เห็นคุณค่าของคนอื่น ช่วยคนอื่นด้วยใจ อยู่ที่ไหน ทำงานกับใคร ก็ไม่มีปัญหา
ที่จังหวัดตาก มีหมอที่ได้รับรางวัลแพทย์ดีเด่นหลายคน ได้แก่พี่วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุ้มผาง ได้รางวัลแพทย์ดีเด่นในชนบททั้งของมูลนิธิแพทย์ชนบทและของศิริราชพยาบาลได้รับก่อนผมหลายปี พี่กนกนาถ พิศุทธกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่สอดได้รับรางวัลแพทย์สตรีดีเด่น พี่รณไตร อายุรแพทย์ที่โรงพยาบาลแม่สอดได้รางวัลแพทย์ดีเด่นของแพทยสภา พี่วิทยา สวัสดิวุฒิพงศ์ แพทย์ระบาดวิทยา โรงพยาบาลแม่สอดได้รางวัลแพทย์ดีเด่นของแพทยสมาคม ล่าสุดปีนี้หมอธวัชชัย ยิ่งทวีศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าสองยาง ได้รับรางวัลแพทย์ดีเด่นในชนบทของมูลนิธิแพทย์ชนบท ส่วนอีกคนที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลอำเภอชายแดนมานาน มีการพัฒนาโรงพยาบาลที่ดีมาตลอด แต่ไม่ยอมให้ใครเสนอชื่อเข้ารับรางวัลเลยคือพี่จิรพงศ์ อุทัยศิลป์ ผู้อำนวยกาโรงพยาบาลแม่ระมาด ทำงานในชนบทมายี่สิบกว่าปีแล้ว
รางวัลที่ผมได้รับ เป็นผลจากการทำงานอย่างเต็มที่ ต่อเนื่องร่วมกับทีมงานโรงพยาบาลบ้านตาก ภายใต้การสนับสนุนของผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานที่เป็นหน่วยงานในอำเภอบ้านตาก รวมทั้งผู้ที่มาบริจาคให้กับโรงพยาบาลทุกท่าน จึงน่าจะเรียกว่ารางวัลทีมงานพัฒนาสาธารณสุขชนบทดีเด่น ด้วย
สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ ผมชอบอ่านประวัติพี่ๆแพทย์ดีเด่น ศึกษาวิถีชีวิต การปฏิบัติตัว การทำงานของพี่ๆ เช่น อาจารย์ประแส ชนะวงศ์ อาจารย์ประเวศ วะสี อาจารย์ไพจิตร ปวะบุตร และแพทย์ชนบทอื่นๆอีกหลายท่าน นอกจากนี้ผมชอบเข้าไปที่ห้องสมุดกลาง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไปอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการพัฒนาชนบท การพัฒนาชุมชน และชอบเช่าหนังสือนิยายที่เกี่ยวกับชีวิตหมอบ้านนอกมาอ่าน รู้สึกว่าช่วยสรางแรงบันดาลใจได้ดีมาก เช่น เกิดเป็นหมอ หมอเมืองพร้าว ดาบในเสื้อกาวน์ เขาชื่อกานต์ กระท่อมไม่ไผ่ ถนนลูกรัง หรือชีวิตของเด็บ้านนอกยากจนหรือด้อยโอกาสที่พยายามพัฒนาตัวเอง เช่น เกิดแล้วต้องสู้ เป็นต้น ทำให้เกิดพลังในการพัฒนาตัวเองและกำลังใจในการเรียนและการทำงานมาก
ผมมีความเชื่อว่า การทำความดี เปรียบเสมือนการสร้างแสงให้กับตัวเองดุจดังดาวฤกษ์ที่สามารถส่องแสงในตัวเองได้ โดยไม่ต้องรอแสงจากดาวดวงอื่นมาส่องให้สว่างเหมือนดาวเคราะห์ การพัฒนาตนเองจะช่วยทำให้เราสามารถส่องแสงโดยตัวเองได้ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาส่องแสงให้ จึงไม่ต้องไปคอยเลียแข้งเลียขาใครหรือซื้อตำแหน่งเมื่อต้องเลื่อนตำแหน่งหน้าที่ เพราะคุณความดีในตัวจะช่วยให้เราส่องสว่างจนผูใหญ่มองเห็นได้
ก่อนจบบันทึกนี้ ก็ได้นึกถึงเพลงเพื่อมวลชน ของวงกรรมาชน ที่เคยร้องตอนออกค่ายอาสาพัฒนา “ถ้าหากฉันเกิดเป็นนก ที่โผบิน ติดปีกบินไปให้ไกลๆแสนไกล จะขอเป็นนกพิราบขาว เพื่อชี้นำชาวประชาสู่เสรี... ถ้าหากฉันเกิดเป็นเมฆบนนภา จะนำพาความร่มเย็นสู่ท้องนา หากฉันเกิดเป็นเม็ดทราย จะน้อมกายปูทางเพื่อมวลชน ชีวายอมพลีให้ มวลชน ผู้ทุกข์ทน ขอพลีตน...”
พิเชฐ บัญญัติ
บ้านพักที่ Verbondatraat 52,
Antwerp, Belgium
23.45 น. (04.45 น. เมืองไทย)
14 กันยายน 2550
สวัสดีค่ะ
เป็นคนแรกที่มาแสดงตัวในวันนี้ พร้อมชี่นชม สุขใจ ไปกับคุณหมอ และรางวัลแห่งความดีค่ะ รักษาสุขภาพ กายใจให้ดีพร้อม เพราะมวลชนที่คุณหมอรัก ยังรออยู่
ร่วมแสดงความยินดีและชื่นชมแพทย์ชนบทดีเด่น กองทุนนายแพทย์กนกศักดิ์ พูลเกษร มูลนิธิแพทย์ชนบท ประจำปี 2550 กับพี่อั๋น(อนุชิต วังทอง) โรงพยาบาลหนองจิก ปัตตานี และหมอหนึ่ง (ธวัชชัย ยิ่งทวีศักดิ์) โรงพยาบาลท่าสองยาง ตาก ครับ
คัดลอกรายละเอียด ข่าวการมอบรางวัลมาให้อ่านด้วยครับ
หมอมงคล” มอบรางวัลแพทย์ชนบทดีเด่นแก่ “2 หมอจากชายแดนปัตตานีและตาก”
########
คุณหมอนามสกุลเหมือนหนูเลยค่ะ
เราได้เป็นญาติกันรึป่าวค่ะ
ไม่แน่ใจครับ ต้องลองคุยกันดูครับ อาจะใช่ก็ได้ครับ