การปลูกผักโดยไม่ใช้ดิน เป็นอีกทางเลือกใหม่สำหรับเกษตรกรในขณะนี้ เพราะนอกจากจะลดปัญหาข้อจำกัดในเรื่องของสถานที่ปลูก รวมทั้งความไม่เหมาะสมของดินทั้งดินเปรี้ยว ดินเค็มจัดหรือดินที่มีสภาพเป็นดินทราย แล้วพืชผักที่ปลูกยังไร้สารพิษ ไร้สารเคมี มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค อีกด้วย ซึ่งทั้งส่วนราชการต่างๆและภาคเอกชน ในหลายแห่ง จึงหันมาให้ความสนใจในการผลิตพืชผักโดยไม่ใช้ดิน กันมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รักสุขภาพ
นายไสว คงคารักษ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุทัยธานี ได้เปิดเผยว่า วิทยาลัยฯ ได้
จัดทำโครงการปลูกผักโดยไม่ใช้ดิน ขึ้นเพื่อใช้เป็นหลักสูตรให้นักศึกษาพืชศาสตร์ ได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎี
และปฏิบัติ ตลอดจนให้เป็นศูนย์เรียนรู้สำหรับเกษตรกร โดยใช้พื้นที่ใน วิทยาลัยฯ เป็นสถานที่ดำเนินการและ
ปลูกในระบบ DRFT คือ ให้สารละลายธาตุอาหารพืชและอากาศไหลวนผ่านรากพืชในระดับลึกอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผักที่ปลูกจะอยู่ในโครงเหล็กแบบยกพื้นสูง 80 ซม.กว้าง 2 เมตร ยาว 6 เมตร คลุมด้วยพลาสติกใสป้องกันน้ำฝนและพลางแสงด้วยแสลน ด้านข้างทั้ง 4 ด้านจะบุด้วยตาข่ายขนาดถี่ป้องกันแมลงไม่ให้เข้าไปทำลาย ผักที่ปลูกประกอบด้วย ผักกาดขาว ผักกวางตุ้ง คะน้า ผักบุ้ง ข้อดีของการปลูกผักไร้ดินก็คือ ไม่ต้องเลือกดินแม้ว่าในแหล่งที่ไม่เหมาะสมก็จะปลูกได้และไม่ต้องไถพรวน การใช้น้ำมีประสิทธิ์ภาพ โรคและแมลงรบกวนน้อย สามารถวางแผนการผลิตได้อย่างแน่นอน ประหยัดเวลาในการปลูก แต่มีข้อเสียต้นทุนการผลิตช่วงแรกจะสูงและผู้ปลูกต้องมีความรู้ความเข้าใจ
“ คุณภาพของผักที่ได้ จะสดใหม่ อวบ กรอบ น่ารับประทาน ปลอดภัยไร้สารพิษทุกอย่าง เนื่องจากเป็นสารละลายที่ปลอดภัย ” นายไสว กล่าวทิ้งท้าย ด้าน นส.เทพนารี สีสัน อายุ 19 ปี นักศึกษาระดับ ปวส. 2 สาขาพืชศาสตร์ ได้กล่าวว่า ที่จริงการปลูกผักไร้ดินทำได้ไม่ยาก เริ่มต้นด้วยการเพาะกล้าผักในกระบะเพาะ พออายุ 7 วันย้ายลงในแผ่นโฟม จากนั้นนำไปใส่ในโรงเรือน โดยใน 1 โรงเรือนบรรจุผักได้ 24 ถาดๆละ 50 ต้น ใส่น้ำผสมธาตุอาหารพืชตามอัตราส่วนเพื่อเร่งการเจริญเติบ ไม่นานพืชผักก็จะโตวันโตคืน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุของพืชผักแต่ละชนิดด้วย ผลผลิตที่ได้จะมีผู้มารับซื้อถึงที่ บางส่วนจะนำไปขายในตัวเมืองอุทัยธานี เพื่อประชาสัมพันธ์ผักปลอดภัย ให้ผู้บริโภค ได้รับรู้“ การที่หนูเลือกเรียนเกษตร เนื่องจากทางบ้านประกอบอาชีพนี้ หากจบไปแล้วสามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพได้อย่างสบายและการเรียนเกษตรไม่หนักเหมือนอย่างที่คิด ไม่ใช่ตากแดด กรำฝนอย่างเดียว บางครั้งต้องออกชุมชน สนุกด้วย มีรายได้ระหว่างเรียน ที่สำคัญเรียนก็ฟรี มีอาหารให้รับประทานทั้ง 3 มื้อ มีที่พักให้ฟรีทุกอย่างและเมื่อจบมามีงานทำแน่นอน รับรองไม่มีการตกงาน อยากจะเชิญชวน ผู้ที่สนใจได้เข้ามาศึกษาที่วิทยาลัยเกษตรฯ แห่งนี้ เนื่องจากปัจจุบันงานหายาก แต่ถ้าหากเราจบแล้ว สามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องง้อใคร ” นส.เทพนารี กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
การปลูกผักไร้ดิน ของวิทยาลัยเกษตรฯ แห่งนี้ นอกจากจะเป็นอีกวิชาหนึ่งที่ให้นักศึกษาเกษตร ได้ผลิตผักที่ปลอดภัยไร้สารพิษแล้ว ยังเป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจ ได้เข้าไปศึกษานำกลับไปประยุกต์ยึดเป็นอาชีพได้ เพราะผู้คนเดี๋ยวนี้กลัวตาย พืชผักแบบนี้ มีเท่าไหร่ก็ขายหมด
ไม่มีความเห็น