ความเหงา


ดุ๊กดิ๊ก
ความเป็นมาของดุ๊กดิ๊ก ดุ๊กดิ๊กเป็นสุนัขข้างโรงเรียน  บ้านหลังใหญ่โต เจ้าของมีรถคันใหญ่ขับ  แต่ดุ๊กดิ๊กไม่มีความสุข  เนื่องจากเจ้าของไม่ได้เอาใส่  ออกจากบ้านแต่เช้า  กลับเข้าบ้านก็มืดค่ำ อาบนำนอนเลย  เนื่องจากรับประทานมาจากนอกบ้านแล้ว  เจ้าของฝากให้คนใกล้บ้านช่วยดูแลบ้าน  แต่คนข้างบ้านฐานะยากจน  ซื้อข้าวสารทีละ 1 กิโล  กับข้าวก็ไม่มีอะไรมาก  รายได้ไม่มีจึงไม่สนใจดุ๊กดิ๊ก  ไม่เศษอาหารอะไรก็เทไว้ให้  ดุ๊กดิ๊ก  เป็นสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล       คำว่าเดิ้ลก็คงรู้ว่าเป็นสุนัขไฮโซ   รับประทานยาก  แล้ววันหนึ่งดุ๊กดิ๊กก็ออกมาที่โรงเรียนหลังจากเจ้าของออกไปทำงานแล้ว  มาเล่นกับนักเรียน  ครู ๆ ก็พากันเอ็นดู เนื่องจากดุ๊กดิ๊กกำลังเด็ก  ซุกซน  น่ารัก  ช่างประจบ ซื้ออาหารจากโรงอาหารให้  ดุ๊กดิ๊กฏ้เลยติดใจ มาโรงเรียนทุกวัน  แรก ๆ พอนักเรียนเข้าห้องเรียนดุ๊กดิ๊กก็กลับบ้าน  พอนักเรียนพักกลางวันดุ๊กดิ๊กก็ออกมาอีก  เนื่องจากรั้วบ้านดุ๊กดิ๊กมีช่องโหว่พอรอดได้  เป็นอย่างนี้อยู่พักหนึ่ง  แล้วต่อมาดุ๊กดิ๊กก็ไม่ยอมกลับบ้านหลังจากนักเรียนเข้าห้องเรียน  โดยมาอยู่ที่ห้องของข้าพเจ้า  ทั้ง ๆ ที่ข้าพเจ้าไม่ค่อยได้เล่น  ไม่ค่อยได้จับ  เนื่องข้าพเจ้าสอนปฐมวัย  และทำงานธุรการ  งานทะเบียน  ซึ่งเปิดเรียนใหม่ งานยุ่งมาก  และเป็นอย่างนี้ทุกวัน ข้าพเจ้าจะกลับบ้านเย็นมากแค่ไหนดุ๊กดิ๊กก็นอนรออยู่ใต้เก้าอี้  พอข้าพเจ้าเตรียมเก็บของกลับบ้าน ดุ๊กดิ๊กก็ลุกขึ้น  นั่งมองจนข้าพเจ้าขึ้นรถขับออกไป  ดุ๊กดิ๊กก็วิ่งกลับบ้าน(มองทางกระจกหลังดู)  พอนานเข้าดุ๊กดิ๊กเริ่มพัฒนา  เดินไม่ส่งถึงรถ  พอรถออกไป  ดุ๊กดิ๊กจึงวิ่งกลับบ้าน    ต่อมาดุ๊กดิ๊กไม่ยอมกลับ  ตามมาถึงรถ พอเปิดประตู  ดุ๊กดิ๊กปีนขึ้นรถ  แรก ๆ ข้าพเจ้าก็จับลง  ดุ๊กดิ๊กจะขืนตัว ทำตัวหนัก ไม่ยอมลง  ข้าพเจ้าต้องทำใจแข็ง  ที่ทำใจแข็งเพราะที่บ้านมีบางแก้วอยู่แล้ว  และที่บ้านมีกันแค่ 2 คน กับสามี  จึงไม่อยากมีภาระ  บางวันทำใจแข็งไม่ไหว เพราะดุ๊กดิ๊กจะใช้สายตาอ้อนวอน  ข้าพเจ้าก็ให้นั่งรถมา  แล้วข้าพเจ้ามาจอดส่งที่บ้าน โดยจับยัดเข้าตรงช่องโหว่  ที่ใช้คำว่าจับยัดเพราะยัดจริง ๆ แล้วข้าพจ้าต้องรีบวิ่งขึ้นรถ  รีบปิดประตู  ถ้าปิดไม่ทันดุ๊กดิ๊กก็จะปีนขึ้นมา   ตอนเช้าดุ๊กดิ๊กจะมานั่งรอ  พอเห็นรถข้าพเจ้ามา  ดุ๊กดิ๊กจะวิ่งไปรับพร้อมกับนักเรียน  แต่ดุ๊กดิ๊กจะแทรกเข้าไปถึงตัวข้าพเจ้าให้ใกล้ที่สุด  จนเหมือนเป็นสมาชิกตัวหนึ่งในห้อง  เวลานักเรียนเล่นของเล่น ดุ๊กดิ๊กก็เล่นด้วย  นักเรียนเข้าแถวรับขนม  ดุ๊กดิ๊กก็เข้าด้วย  ของอะไรหล่นลงพื้นดุ๊กดิ๊กจะคาบกลับบ้าน  นักเรียนก็ฟ้องว่า ดุ๊กดิ๊กขโมย   ตอนนั้นดุ๊กดิ๊ก มีหมัด  มีเห็บ  ตัวเป็นแผล  เพราะเจ้าของไม่สนใจดูแล  บางทีข้าพเจ้ากับครูห้องข้างเคียง  ทนไม่ไหว  ต้องเจียดเวลามาอาบนำให้ดุ๊กดิ๊ก  เพราะความเวทนา   เหตุการณ์ดำเนินไปแบบนี้ จนปิดภาคเรียน  เท่ากับดุ๊กดิ๊กมาอยู่โรงเรียนจนครบ 1  ปี   ช่วงปิดภาคเรียน พอข้าพจ้าไปโรงเรียนวันใด  ดุ๊กดิ๊กจะออกมาหา และมาอยู่ด้วยจนข้าพจ้ากลับบ้าน  บางครั้งสามีข้าพเจ้าไปด้วย  ดุ๊กดิ๊กก็มาประจบ นั่งสบขา  จนเปิดภาคเรียนใหม่  ดุ๊กดิ๊กก็ปฏิบัติเหมือนเดิม  ช่วงนี้ ข้าพเจ้ายิ่งไม่มีเวลาเล่นกับดุ๊กดิ๊กเลย เนื่องจากรับเด็กใหม่  และงานอื่นอีกมากมาย  กระทั่งโรงเรียนเปิดเรียนได้  10  กว่าวัน    วันนั้นสามีข้าพเจ้า เร่งให้ข้าพเจ้ารีบไปโรงเรียน บอกป่านนี้ลูก ๆ รอแล้ว  ลูก ๆหมายถึงนักเรียน ข้าพเจ้าไปถึงโรงเรียนเร็วกว่าทุกวัน  นักเรียยืนรอและบอกว่า ดุ๊กดิ๊กถูกรถชน  ข้าพเจ้าก็ยังไม่มีเวลาดู  เนื่องจากต้องรับนักเรียน จนสายหน่อย ครูอีกคนหนึ่งมา  และครูคนนี้เขาดูแลสุนัขดี  สุนัขติดเขาทุกตัว และเขาสอนชั้นโตกว่า  ไม่ยุ่งกับนักเรียนมาก  ข้าพเจ้าจึงให้เอาดุ๊กดิ๊กไปดูแล  แต่พอเขาจับดุ๊กดิ๊กกัดเพราะความเจ็บ  เขาไปไว้ที่ห้อง  สักพักต้องอุ้มกลับมา  เนื่องจากดุ๊กดิ๊กไม่ยอมอยู่  ดิ้น  แถก  จะมาทั้ง ๆที่ เดินไม่ได้  มาอยู่ที่ห้องข้าพเจ้าก็นอนเฉยๆ เพราะข้าพเจ้ายุ่งกับนักเรียน คนดูแลบ้านดุ๊กดิ๊กเดินมา ข้าพเจ้าจะให้อุ้มไปดุ๊กดิ๊กกัดไม่ยอมให้จับ  จนเย็นข้าพเจ้าต้องอุ้มไป  ข้าพเจ้าอุ้มดุ๊กดิ๊กไม่กัด (ยังมีต่อ พอดีต้องไปซื้อกับข้าว เดี๋ยวแม่หิว)  เย็นวันนั้นข้าพเจ้าประชุมก็ได้ยินเสียงดุ๊กดิ๊กร้องด้วยความเจ็บปวดตลอดเวลา  พอเลิกประชุม ซึ่งเป็นเวลาประมาณ  17.30 น. ข้าพเจ้าก็เดินไปดูดุ๊กดิ๊กอีกครั้งก่อนกลับบ้าน  ดุ๊กดิ๊กมองข้าพเจ้าด้วยสายตาน่าสงสาร  พอข้าพเจ้ากลับมาเล่าให้สามีฟัง  สามีรีบชวนข้าพเจ้าให้ไปรับดุ๊กดิ๊กมาหาหมอ  สามีข้าพเจ้าบอกว่า  กว่าเจ้าของดุ๊กดิ๊กจะกลับ  ดุ๊กดิ๊กคงเจ็บตายกันพอดี  ซึ่งตอนนั้นฝนตกพรำ ๆ  ตลอด  ตัวดุ๊กดิ๊กก็เหม็นหึ่งเลย  พอสามีข้าพเจ้าไปถึง  ดุ๊กดิ๊กถัดตัวลากขามาหาและซบที่ขาสามีข้าพเจ้าเลย สามีข้าพเจ้าต้องหาลังมาใส่แล้วพาไปหาหมอ  หมอบอกสะโพกหลุด แล้วฉีดยาแก้อักเสบ และให้ยามากิน และให้ดูอาการ  ถ้าภายใน 1 สัปดาห์ ไม่ขับถ่ายคงจะไม่รอด  ถ้าจะให้รอดต้องผ่าตัดซึ่งใช้งบประมาณ  5,000  - 8,000 บาท  คืนแรกสามีข้าพเจ้าต้องลุกขึ้นมาจับตัวพลิกทุก 1 ชั่วโมง เพราะดุ๊กดิ๊กพลิกตัวไม่ได้ พอจะพลิกก็ร้องเพราะความเจ็บปวด  ตัวก็เหม็นนำก็ยังอาบไม่ได้ ข้าพเจ้าต้องใช้ผ้าชุบนำเช็ดตัวให้ พอเข้าวันที่ 4  ดุ๊กดิ๊กก็ขับถ่าย ข้าพเจ้าและสามีดีใจมากที่ดุกดิ๊กคงรอดแน่  แต่ยังกังวลใจว่าคงจะพิการ เดินขาลาก  แต่สามีข้าพจ้าว่าถึงพิการก็เลี้ยง พอดุ๊กดิ๊กหายเจ็บบ้างแล้ว  สามีข้าพเจ้าก็ใช้ไม้ดามปลายนิ้วเท้าให้ เพื่อให้มีแรงเดิน  และพอดุ๊กดิ๊กช่วยเหลือตัวเองได้ ข้าพเจ้าก็พาดุ๊กดิ๊กไปโรงเรียนและตอนเย็นก็พาไปส่งบ้าน  พอเช้าวันรุ่งขึ้น ดุ๊กดิ๊ก เดินลากขามาร้องอยู่ตรงหน้าต่างห้องของข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าต้องไปอุ้มมาไว้ในห้องและตอนเย็นข้าพเจ้าต้องเอาดุ๊กดิ๊กกลับมาบ้านอีก  สามีข้าพเจ้าบอกไม่เป็นไรเลี้ยงไว้นี่แหละเจ้าของเขาคงไม่อยากได้แล้ว เพราะดุ๊กดิ๊กพิการ  ปล่อยไปก็ตายเปล่า  ตกลงตอนนี้ข้าพเจ้าต้องเลี้ยงดุ๊กดิ๊ก  พาไปโรงเรียนก็ไม่ยอมกลับบ้าน  เวลาเจอเจ้าของก็ไปหา และไม่ยอมอยู่ด้วย สามีข้าพเจ้าก็รักดุ๊กดิ๊กมาก เอาใจหาอาหารเปลี่ยนให้กินตลอด ดุ๊กดิ๊กจะขี้เบื่ออาหาร  กินมื้อเดียวก็ต้องเปลี่ยน  ไม่รู้ว่าเมื่อชาติปางก่อนข้าพเจ้ากับสามีไปรบกวนอะไรดุ๊กดิ๊ก  ถึงต้องมาเกี่ยวข้องกันชาตินี้   เมื่อก่อนสามีข้าพเจ้าเห็นคนอื่นอุ้มหมาพันธ์พุดเดิ้ลจะว่าหมาภาระ  เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าจะแซวเขาตลอด ว่าไงละ หมาภาระ
หมายเลขบันทึก: 126596เขียนเมื่อ 9 กันยายน 2007 17:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2012 21:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

 ดีใจที่เขียนบันทึกเล่าเรื่อง เป็นกำลังใจให้เขียนต่อนะคะ

คุณครูใจดีและน่ารักมากเลยค่ะ หนูก็เป็นคนหนึ่งที่รักสัตว์ค่ะ เห็นคุณครูช่วยเจ้าดุ๊กดิ๊กแล้วประทับใจค่ะ ขอพรให้คุณครูจงประสบแด่ความสำเร็จนะคะ ^ ^

อ่านแล้วดีใจแทนดุ๊กดิ๊กค่ะ

ที่ได้มาเจอกับคนที่ดูแลและใส่ใจ ^_^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท