คนเราอยู่ได้ด้วยอะไรนอกจากอาหาร บางคนได้อ่านคำถามนี้อาจนึกไปต่างๆ นาๆ แต่ถ้าถามอีกว่า คนเราอยู่เพื่อทำอะไรนอกจากกิน หลายท่านก็คงตอบว่า อยู่เพื่อทำนั่นทำนี่ สร้างคุณงามความดีแก่แผ่นดินหรือ สร้างฐานะความเป็นอยู่ให้สะดวกสบาย ซึ่งก็แล้วแต่ความคาดหวังหรืออุดมการณ์ในชีวิตของแต่ละคน
ผมเชื่อนะว่าคนทุกคนมีความหวัง ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีที่หวังจะให้มีการเลือกตั้งเร็วๆ จนถึงกรรมาชน ชนชั้นแรงงานบางคนที่หวังจะกินดีอยู่ดี หรือแม้แต่คนที่กำลังมีอุปสรรคมากมายมองไปทางไหนมืดมนไร้ความหวัง เค้าคนนั้นก็คงจะหวังให้มีความหวังกำเนิดขึ้นมา ฟังเหมือนความหวังเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตเลยนะครับ เราทำทุกอย่างตามความหวัง แม้จะบอกว่าตามหน้าที่ ตามบทบาทของสังคม ถึงแม้กระนั้นเราก็ยังตั้งอยู่บนความคาดหวังของผู้คน รัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ที่ส่วนประกอบสำคัญมาจากรถถัง ๑๐๐ % ก็ถูกคาดหวังจากประชาชนว่าจะเป็นสิ่งที่ดี คมช.ก็คาดหวังว่ารัฐธรรมนูญจะเป็นที่ยอมรับ และเป็นเครื่องสร้างความชอบธรรมให้แก่ตน นั่นก็เพราะ คมช. ถูกคาดหวังจากประชาชนว่า “ที่เข้ามาทำปฏิวัตินั้น จะเป็นการผ่าทางตันไปสู่ทางที่ดีกว่า” ผมก็หวังว่า คมช. คงจะคิดหวังเช่นนั้น .......... เห็นไหมครับ ทุกอย่างในชีวิตมันคาบเกี่ยวกันด้วยความหวัง แม้เรากินอาหารเราก็หวังให้อิ่ม คนทำก็หวังให้เราอร่อย ... เรากำลังเดินตามทางที่เราหวัง ... ความหวังคืออะไร
...
ท่านสืบ นาคะเสถียร ไม่ว่าระบบราชการจะแข็งแกร่งปานใด เขายังดิ้นรนเพื่อสิ่งที่เขารักและเป็นทรัพยากรร่วมกับคนอื่น เป็นความจริงว่าในช่วงชีวิตนั้นไม่มีใครได้เห็นถึงความหวังของวีระชน แต่แน่นอนแม้ความตายก็ไม่อาจดับความหวังของเขาเช่นกัน จากความหวัง ... มาเป็นสิ่งที่นักอนุรักษ์รุ่นหลังเรียกว่าอุดมการณ์ คุณสืบ นาคะเสถียร ก่อนที่ท่านจะเข้ามาทำงาน ณ ที่ตรงนั้น ท่านหวังอะไร หวังจะอนุรักษ์ธรรมชาติเยี่ยงชีวิตเช่นนั้น หรือจะหวังเจริญเติบโตเป็นข้าราชการระดับสูง คงไม่มีใครรู้ความในใจ ความหวังในใจเราเช่นกัน เรารู้แต่ว่าเราหวังอะไร แต่คงน้อยที่จะรู้ถึงความหวังของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา
การรู้ความหวังของผู้อื่นไม่สำคัญเท่าเรารู้ความหวังของตัวเราครับ เมื่อใดที่เรารู้ความหวังของเรา นั่นหมายความว่า เรากำลังตระหนักรู้ว่าเรากำลังทำอะไร มีหน้าที่อะไร นั่นคืออะไรครับ “การมีสติ” นอกจากเราต้องรู้ว่าเราหวังอะไรแล้ว เราต้องรู้ด้วยว่า ความหวังของเราจะนำพาเราไปทางไหนและเหมาะสมหรือไม่ ประหนึ่งครูกับนักเรียน ครูผู้สอนหวังจะให้ความรู้แก่นักเรียนอย่างเต็มที่ นั่นคือความหวังของครู ส่วนนักเรียน ถ้านักเรียนหวังจะมาเรียน มาขวนขวายหาความรู้กลับไป นั่นก็หมายถึงความหวังที่ตรงกัน นักเรียนตั้งใจเรียน ครูบาอาจารย์ก็จะสอนอย่างมีความสุข ตรงนี้เกิดอะไรขึ้นครับ “ศรัทธา” มาจากอะไรครับ “ความหวัง” อย่างไรก็ตามโลกมนุษย์ก็ยังบัญญัติคำว่าผิดหวังไว้ด้วย
...
ความผิดหวังก็เหมือนเงาที่อยู่คู่ความหวังนะครับ มีบทประพันธ์หนึ่งยกมาให้อ่าน
มันมากเกินไปที่จะปรารถนาชีวิตที่ไร้ความเจ็บปวด
มันไม่ถูกต้องหรอกที่จะคาดหวังชีวิตที่ไร้ความเจ็บปวด
เพราะความเจ็บปวดเป็นสัญญาณเตือนภัยของร่างกาย
ไม่ว่าเราจะไม่ชอบมันขนาดไหนก็ตาม
ความเจ็บปวดมันมีความสำคัญ และเราควรขอบคุณความเจ็บปวดนั้น
เราจะรู้ได้ด้วยวิธีอื่นใดเล่า ที่จะเอามือเราออกจากไฟ
ที่จะเอานิ้วเราออกจากใบมีด ดังนั้นความเจ็บปวดจึงสำคัญยิ่ง
และเราควรขอบคุณทีได้เรียนรู้จากความเจ็บปวดนั้น ...
ฯ
ก็เป็นบทประพันธ์ธรรมดานะครับ ที่โจนาธาน วิลสัน – ฟูลเลอร์ แต่งขึ้นเมื่ออายุ ๙ ขวบ เหอๆ น่าสนใจว่ามนุษย์วัย ๙ ขวบมีความหวังอะไรจึงสังเคราะห์ออกมาเป็นบทประพันธ์นี้ หรือจะเพียงแค่ต้องการสอนผู้ที่อ่านได้เรียนรู้กับความผิดหวัง ว่ามันอยู่คู่กับความสมหวัง แม้ความหวังจะสำคัญกับชีวิตเราเพียงไร ความผิดหวังก็คงยังไม่สนใจ และยังทำหน้าที่ต่อไปอย่างนั้น
ความหวังก็เหมือนจุดหมายของการเดินทางนะครับ เดินไป เดินไป ไกลบ้าง ใกล้ก็ดี อุปสรรคบ้าง ถ้าอดทนจริงๆ ก็คงจะถึงความหวังซักวัน แต่ที่สำคัญที่สุดคืออะไรครับ คือเราต้องตั้งความหวังในสิ่งที่เหมาะสม หวังในสิ่งที่คิดว่าเดินไปถึงแล้วจะคุ้ม อีกอย่างคือ เราต้องมีสตินึกรู้อยู่ตลอดเวลา ว่าเรากำลังทำอะไร เพื่ออะไรครับ เพื่อที่จะได้ถึงจุดที่หวัง เพราะหากถึงจุดหมายแล้วมันผิดหวังเราจะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาคิดว่า เราน่าจะเตรียมตัวดีกว่านี้ แต่ถ้าทำดีแล้วพอไปถึงมันกลับผิดหวัง ก็ไม่เป็นไรครับ การเดินทางบางครั้ง ก็ไม่ได้สำคัญที่จุดหมาย แต่สำคัญที่ประสบการณ์สองข้างทางมากกว่า ผิดหวังยังดีกว่าไม่ได้เดินนะครับ
ท่านผู้อ่านละครับ หวังอะไรในวันนี้ มีสติรู้ตัวรึเปล่าว่าไปถึงไหนแล้ว แล้วก็อย่ามัวแต่เดินนะครับ มองข้างทางบ้าง เผื่อวันไหนความหวังสำเร็จแล้ว จะได้ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนอื่นได้ว่า เราต้องผ่านอะไรมาบ้าง แล้วทำยังไงถึงจะผ่าน อะไรทำให้ไม่ผ่าน
ไม่ต้องไปไหนไกลหรอกครับสำหรับชาวนเรศวร มหกรรม KM ภูมิภาคครั้งที่ ๑ วันที่ ๒๘ – ๒๙ กันยายน นี้ที่มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นเจ้าภาพ ในงานมีผู้สมหวังมากมายจะมาถ่ายทอดความสำเร็จในความหวัง แล้วก็มีผู้ผิดหวัง รวมถึงผู้กำลังหวังมากมาย ที่หวังมาเรียนรู้ในงาน ท่านละครับตั้งความหวังรึยัง แล้วอย่าลืมนะครับ พกสติไปด้วย
..... มาเรื่อง KM ภูมิภาคได้ไงเนี่ย .....
บทประพันธ์คุ้นๆง่า....อิอิ
___________________________________
เมื่อใดที่คุณผิดหวัง แสดงว่า..คุณได้คาดหวังเพราะฉะนั้นอย่าหวัง จาด้ายม่ายผิดหวัง
อ่ะ....งงกานปาย คิกๆๆๆ
จายดี คิดดี ทามดี คร่าา ~*
เรียนคุณบีเวอร์
หากเรารู้จักเรียนรู้จากทุกสิ่งที่ผ่านมาในชีวิต เชื่อว่าคงไม่มีความผิดหวังเกิดขึ้นค่ะ ทุกอย่างมีความหมายในตัวมันเองอยู่แล้ว
ยินดีที่ได้อ่านบันทึกดีๆค่ะ
คนเราหวังอะไรจากความหวังไม่ได้หรอก เพราะถ้าเราไม่คิดจะทำให้มันเป็นความหวัง เราจะมีความหวังได้ก็ต่อเมื่อวันนี้เราคิดจะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง แล้วเราก็จะหวังว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ เพราะฉะนั้นความหวังมันจะเป็นเพียงแค่สิ่งที่เราต้องการจะให้มันเป็นอย่างที่เราต้องการเท่านั้น หรือภาพวาดที่เราวาดมันขึ้นมา
เรียนอาจารย์ golf
หากถามว่า หวังอะไรกับความหวัง คงตอบว่า ไม่หวังให้ได้เป็นดั่งหวัง แต่ของหวังว่ายังมีหวัง ที่จะได้หวัง ก็เพียงพอ...
ความหวัง กับ ความฝัน มีทั้งคล้ายและต่างกัน ..
คล้าย - การคิดเหตุการณ์ รึสิ่งที่อยากให้เป็นล่วงหน้า โดยที่ไม่ทราบเลย ว่าจะเป็นอย่างคิดไว้รึเปล่า แต่เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งสองก็เป็นสิ่งที่คิดแล้วมีความสุข
ต่าง - ความหวัง เปอร์เซ็นต์ที่จะเกิดขึ้นนั้นมีมากกว่าความฝัน เพราะสิ่งที่หวัง เกิดจากการไตร่ตรองถึงความเป็นไปได้
หวังได้ แต่อย่าหวัง ได้อย่างหวัง
ปล...รณรงค์การใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง ด้วยคนคะ..
อยู่อย่างมีความหวัง
จากไปไร้คำพูด
ไม่สมปรารถนา
โดดเดี่ยว เดียวดาย
ไร้ความว่างเปล่า