รู้สึกเจ็บปวดค่ะ ที่สมัยนี้บางสิ่งบางอย่างได้แปรเปลี่ยนไปมาก ถ้าจะยกตัวอย่างก็เช่น สมัยนี้เด็ก ๆ ตัวน้อย ต่างก็ถูกยัดเยียดให้มีการแข่งขันกันเป็นคนเก่ง ประเภท IQ สูง EQ ต่ำ อะไรทำนองนี้ เรื่องของจริยธรรมและคุณธรรมได้ถูกละเลยไปมาก
เป็นโลกของวัตถุนิยม ความหยาบกระด้าง ซึ่งไม่ชอบเลยค่ะ
สวัสดีค่ะ
* แวะมาส่งผักค่ะ
* สุขกายสุขใจนะคะ
ดีจ้า แฮมเบอร์กุ้ง อิอิ เอ่ยชื่อแล้วอยากกิน...บันทึกนี้..อยากจะบอกว่า ไม่เคยคิดอิจฉาคนรวย เพราะในใจคิดว่า เขาอาจไม่มีความสุข และไม่มีเวลาเท่าเราก็ได้ เราเป็นเรา มีความสุข มีอิสระทุกอย่าง อยากทำอะไรก็ทำ อยากเที่ยว อยากกิน ได้หมด ตามฐานะของเรา คนรวยมัวแต่คิดเรื่องบริหารเงิน บริหารเวลา ไม่มีเวลาเติมเต็ม เติมความสุขให้กับชีวิต ..เขาอาจมีคำถามสักวันว่า เรามัวบ้างานสะสมเงินไปถึงไหน และไหนละอิสระ และความสุข เมื่อถึงวันนั้น ก็อาจสายไปแล้ว (เม้นท์แรกที่ตอบได้ยาวขนาดนี้ อิอิ)
..ทำวันนี้ให้มีสุข พรุ่งนี้อาจไม่มีสำหรับเรา..น๊า
สวัสดีครับ คุณ berger0123
ตามความเข้าใจของผม อะไรก็ตามที่สุดโต่งจนไม่ปกติ ก็มักจะทำให้เกิดปัญหาตามมาครับ
ในอินเดียโบราณช่วงหนึ่ง พวกพราหมณ์นี่ออกแนวจิตนิยม พระเจ้านิยม กันสุดๆ จนกระทั่งทำให้เกิดการบิดเบือนการกระจายทรัพยากรของสังคม (พูดง่ายๆ คือ อ้างจิตนิยมเพื่อดึงอำนาจและทรัพย์สมบัติเข้าตัว)
ก็เลยเกิดปรัชญาจารวาก ซึ่งเป็นปรัชญาวัตถุนิยมครั้งแรกของโลกขึ้นมาคานกับแนวคิดของพวกพราหมน์
จิต กาย & สังคม คงต้องไปด้วยกันอย่างกลมกลืนครับ จิตที่จะแจ่มใสได้ ก็ต้องอยู่ในกายและสังคม (รวมสิ่งแวดล้อมด้วยในกรณีนี้) ที่มีคุณภาพด้วยใช่ไหมครับ