ทำงานกันไปทำไม...ทำไมมาทำงานนี้...อาชีพมีอีกมากมีที่เราไม่รู้...


เป็นความคิดที่ได้มาระหว่างนั่งทำงานในห้องแล็บวันนี้

วันนี้นอกจากทำงานคุมเครื่อง Modular P800 เพื่อตรวจและออกผลค่าน้ำตาลในเลือดแล้ว ยังต้องรับหน้าที่ตรวจเช็คผลที่ verify ออกไปแล้วด้วย เนื่องจากปริมาณงานของเรามากเหลือเกินอย่างที่เล่าไว้บ่อยๆว่าวันๆ 700 - 800 ราย ทำให้เราพบว่ามีผลผิดพลาดหลังจากที่ verify ไปแล้วอยู่บ้าง ทำให้เราต้องมีระบบนี้เพื่อจะได้แก้ไขได้ทันอีกชั้นหนึ่งภายในวันที่งานนั้นออกผล ซึ่งงานนี้ก็คือต้องนั่งหน้าดูผลบนคอมพิวเตอร์เทียบกับในแล็บใกล้ๆกับเคาท์เตอร์กลาง ได้ฟังบทสนทนาหลากหลายจากเพื่อนร่วมงานในห้อง ที่พวกเราจะทำไปคุยไปไม่เคยเงียบ

สิ่งที่ทำให้ได้คิดมาจากมีการพูดถึงการ early retire ซึ่งนายดำของเราช่วยคิดคำนวณให้พวกพี่ๆว่าจะได้เงินเท่าไหร่ แล้วก็ได้ฟังคุณพินิจเล่าเรื่องงานของภรรยา ซึ่งเกี่ยวกับการทำเหล็กดัดฟันส่งบริการคุณหมอฟันต่างๆ รู้สึกว่าช่างเป็นงานที่ท่าทางจะรายได้ดี แต่เราไม่ยักกะเคยรู้มาก่อนเลย แล้วก็ผสมกับการที่วันนี้ต้องไปพบคุณหมอที่ห้องตรวจรพ.ของเราตามนัดให้คุณพ่อคุณแม่สามี เพื่อรายงานผลแล็บที่ตรวจมาจากระนองและรับยาส่งไปให้ (โรคมาตรฐานคนสูงอายุเมืองไทยค่ะ-เบาหวานและไขมันในเลือดสูง) ได้เห็นคนที่ทำงานจัดคิวคนไข้เข้าตรวจ แล้วก็รับแฟ้มจากห้องตรวจจัดการนัดใหม่ อธิบายเรื่องการรับยา ซึ่งดูๆแล้วเหมือนว่าคนทำงานไม่ค่อยมีความสุขกับสิ่งที่ทำนัก (ดูเครียดๆ ดุๆ ไม่ผ่อนคลาย น่าสงสารที่งานก็เยอะด้วย คุณหมอก็ตรวจกันตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึงคนไข้หมดท่าทางจะเลยเที่ยงไปโขอยู่)

เกิดความคิดว่า เออนะ...เราแต่ละคนเลือกมาทำงานที่ทำอยู่นี้เพราะอะไรกันหนอ ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินคือสิ่งที่สำคัญที่สุดหรือเปล่า ให้เรามีเงินจำนวนหนึ่งทุกเดือนแล้วเลิกทำงานนี้เราจะเอาไหม ถ้าเรารู้จักอาชีพต่างๆหลากหลายกว่าที่เราเคยรู้ (จำได้ว่าสมัยเป็นนักเรียน ที่เผอิญเรียนดีมาตลอด รู้จักอาชีพอยู่ไม่เกิน 5 อาชีพนะคะ คิดอย่างอื่นไม่เป็นเลย) เราจะเลือกไปทำอย่างอื่นไหม ตอบตัวเองได้เลยว่า คงจะเลือกทางเดิมนี่แหละค่ะ เพราะเราถูกสอนให้คิดน้อยมาแต่ไหนแต่ไร สิ่งที่อยากได้น่าจะเป็น อยากจะคิดเป็นให้มากกว่านั้น ศักยภาพที่มีคงจะถูกใช้ได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ยังมีความสุขกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำอยู่ แต่อยากจะแบ่งภาคให้ได้มากกว่านี้ เพราะรู้สึกว่ามีอะไรอีกหลายอย่างที่เราจะทำได้ แต่คิดไม่เป็นว่าจะทำให้เป็นผลได้ยังไงในเวลาที่มีอยู่

หมายเลขบันทึก: 123900เขียนเมื่อ 31 สิงหาคม 2007 23:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 พฤษภาคม 2012 16:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

คำตอบนี้ตอบไม่ยากครับ

ทำไมมาเรียนหมอ: ไม่ทราบครับ ผมมักจะตอบคนอื่นเสมอว่า ผมเกิดมาเพื่อเป็นหมอ

  • ตอนเด็กๆเล่นเป็นหมอ ตรวจและสั่งยา อยากเป็นหมอในชนบท (อุดมการณ์มากมายล้นฟ้า)
  • แต่เมื่อเป็นหมอ กลับอยากจะจบเร็วๆเพื่อไปหาเงิน (ความคิดเมื่อยังหนุ่มและจะสร้างครอบครัว)
  • เมื่อครั้นมาเป็นอาจารย์แพทย์ อายุมากขึ้น ตอนนี้ลืมเรื่องความรวยที่เคยคิดอยากได้เมื่อครั้งหนุ่มๆไปซะแล้ว กลายเป็นว่าความรวยต้องแลกมาด้วยเงินคนอื่น และการไม่ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัว (ดังเช่นคนที่กิจการคลินิกรุ่งเรืองยังไงเล่า)

แล้วเงินพอใช้เหรอ : โอย เหลือเฟือ ใช้เท่าที่มี ก็เหลือแหล่ พ่อแม่จนกว่าผมอีก ยังเลี้ยงลูกได้ตั้ง 3 คน

เป็นข้าราชการเหนื่อยจะตาย : เหนื่อยครับ แต่เรามีวิธีแก้เหนื่อยหลายทาง

  • มาถึงตรงนี้ ใครแก้ปัญหาตัวเองเก่งย่อมได้เปรียบ
  • ความภูมิใจของชีวิตแพทย์ของผมก็คือ ยังไม่เคยด่าคนไข้เพราะความเหนื่อยหรือความหน่ายเลย
  • (ปล.เคยดุไปแรงๆคนหนึ่ง ซึ่งเธอเป็นมะเร็ง เมื่อทราบแล้วหนีไปเลยโดยที่ไม่ได้ฟังคำอธิบาย มาอีกทีเมื่อโรคไปไกลมาก แต่ไม่เกินเยียวยา ตอนนั้นเลยฉุน)

เห็นไหมครับ ตอบง่ายจะตายไป ทำตามใจรักไงครับ นี่คือข้อสรุป

ผมยังรักในอาชีพผมเสมอ

ถูกใจคำตอบอ.หมอแป๊ะจังเลยค่ะ รูปใหม่นี้ดูผอมจังค่ะ นึกภาพ 2 สาวกุ้งแห้งออกเลยว่ามาจากหุ่นคุณพ่อนี่เอง 

พี่เองก็เป็นคนที่คิดถึงผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินน้อยมาก อาจจะเป็นเพราะไม่เคยขาดแคลน ทำให้มองไม่เห็นว่าการหาเงินเยอะๆโดยแลกกับอะไรหลายๆอย่างที่มีคุณค่าทางใจนั้นจะคุ้มค่า บางครั้งก็คิดในใจไม่กล้าพูดดังๆว่า เราแต่ละคนรู้ได้ยังไงว่าเงินที่เที่ยวสะสมหาอย่างลำบากยากเย็นนั้น เราจะมีโอกาสได้ใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองหรืออะไร เราจะมีเวลานานขนาดไหนในชีวิตเพื่อใช้เงินที่อุตส่าห์หาสะสมไว้ สู้ใช้ชีวิตให้มีคุณค่าทั้งกับตัวเองและคนอื่นดีกว่ามุ่งหาเงิน ลูกหลานอะไรก็ไม่เห็นต้องสะสมไว้ให้เขาเลย ให้ความรู้คิดติดตัวเขาเอาไว้ก็พอแล้ว

ขอบคุณอ.หมอแป๊ะที่ช่วยมาเขียนให้พี่โอ๋รู้สึกว่าเรามีเพื่อนความคิดค่ะ

สวัสดีค่ะ

มาสนับสนุนค่ะ

ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและอยากทำ ดีที่สุดค่ะ

ผมมีคติว่า "ทำอะไรก็ได้ทำแล้ว มีความสุข และไม่ใช่ความทุกข์ของคนอื่น" ชัดเจนนะครับ พี่โอ๋ และผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากรวย ครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท