ในประวัติศาสตร์ “ภาษา” ก็ได้มีบทบาทสำคัญยิ่ง ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ในการพัฒนาประเทศและการรักษาความอยู่รอดปลอดภัยของบ้านเมืองมาหลายครั้ง
“เจ้าจงทุบหม้อข้าวหม้อแกงเสียให้สิ้น เราจะไปกินข้าวเย็นกันที่จันทรบูรณ์” ถ้อยคำของพระยาตากคำนี้มิใช่หรือ ที่ทำให้เหล่าทหารยอมสู้ตาย เข้าร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน จนสามารถตีเอาเมืองจันทรบุรีไว้เป็นที่มั่นได้ เมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยา ปี 2310
“ เจ้าพี่จะยืนช้างอยู่ใต้ร่มไม้ทำไม เชิญเสด็จมาทำยุทธหัตถีกัน ให้เป็นเกียรติยศเถิดกษัตริย์ภายหน้า ที่จะชนช้างได้อย่างเราไม่มีแล้ว
นี่เป็นพระราชดำรัสของสมเด็จพระนเรศวรเจ้า ท้าพระมหาอุปราชแห่งเมืองหงสาวดี ให้กระทำยุทธหัตถี เมื่อเผชิญพระพักตร์กันในสนามรบ
นับว่า สมเด็จพระนเรศวร ทรงใช้จิตวิทยาและภาษา ได้อย่างประเสริฐ จนสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของประเทศได้ทีเดียว เพราะขณะนั้น ถ้าพม่าจะรุมล้อมบดขยี้พระองค์เสีย ก็เพียงชั่วพริบตา แต่อานุภาพแห่งถ้อยคำที่ทรงใช้อย่างห้าวหาญปลุกพระทัยของพระมหาอุปราชให้ยอมรับการท้ารบ และในที่สุด พระองค์ก็ทรงได้รับชัยชนะ
ชัยชนะของพระองค์ คือ ชัยชนะของประเทศชาติ
ภาษานั้น ถ้าศึกษาและฝึกฝน รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ ก็จะได้รับคุณค่ามหาศาล การพัฒนาประเทศเป็นงานเบื้องต้นที่นำไปสู่ความอยู่รอดปลอดภัยของประเทศชาติ บรรพบุรุษของเราได้ใช้ภาษาเป็นเครื่องมือกระทำมาจนสำเร็จแล้ว เราผู้เป็นเชื้อสายแห่งท่าน จะมิอาจใช้ ภาษา เพื่อการพัฒนาประเทศได้สำเร็จเจียวหรือ
ไม่มีความเห็น