มีเรื่องจะเล่าให้ฟังครับพี่น้อง
แต่ก่อนนะครับ เมื่อเป็นเด็กผมชอบเขียนบันทึก ไดอารี่นี่ชอบมาก อีกนิสัยหนึ่งก็คือชอบเก็บของ ไม่ทิ้ง มีอะไรเก็บหมด เก็บไว้แม้แต่หนังสือเชิญผู้ปกครองในสมัยประถมผมก็ยังมีเก็บไว้ เก็บมาเรื่อยจนถึงปัจจุบัน ถือเอาว่าเก็บวันนี้พรุ่งนี้ก็เริ่มเก่า ผ่านไปซักหลายๆ ปีกลับไปดู โอโห อย่างหนังสือเชิญผู้ปกครองที่ผมกล่าวถึงนี่ แค่ได้เห็นลายเซ็นต์ครูประจำชั้น หัวใจก็พองโตแล้วครับ แล้วไหนจะของอื่นๆ อีก
ช่วงลงประชามติผมกลับไปที่บ้านเพชรบูรณ์พ่อสั่งให้จัดห้องใหม่ เพราะของที่เก็บไว้มันรกจังเลย จัดไปจัดมาไปเจอไดอารี่ตั้งแต่มัธยมต้น มัธยมปลายก็มี ก็เลยนั่งอ่านปรากฏว่าสนุกสนานมาก แม้ช่วงนั้นจะไม่ได้เขียนทุกวัน แต่ทุกครั้งที่เขียนลงไปก็ล้วนมีความทรงจำที่วันนี้เราลืมเลือนไป บางหน้าก็มีจดหมายแฟนเก่าๆ แทรกอยู่ ตั้งแต่คนแรกก็ยังมี เหอๆ (สมัยนั้นโทรศัพท์ยังไม่ฮิต) เจอของเก่าๆ เยอะครับ
ของเล่นบางชิ้นก็ยังก็ยังใช้การได้ดี รูปถ่ายตั้งแต่สมัยโบราณกาลครั้งยังเป็นละอ่อน เปิดในบันทึกก็เจอชื่อคนนั้นคนนี้ เพื่อนบ้าง คุณครูบ้าง ทำให้สงสัยว่าทุกวันนี้คนในบันทึกเค้าไปอยู่ที่ไหนในโลกมนุษย์ ทำอะไรกันอยู่ แต่บางคนที่ยังเจอกันจนวันนี้ก็มี
มาเรียนอยู่มหาวิทยาลัยนเรศวร ช่วงแรกๆ ไม่ค่อยได้เขียนครับ สนุกไปกับกิจกรรมแปลกใหม่ๆ ที่มัธยมไม่เคยเห็น พึ่งมาเริ่มเขียน space ได้ไม่นานมานี้ ประมาณ ๑ ปี ดูคล้ายจะเป็นไดอารี่ออนไลด์ ต่อมาก็มี Gotoknow นี่แหละครับ แต่ก็คนละอารมณ์
ความคิดส่วนตัว ผมว่านะครับเขียนไดอารี่กระดาษได้อารมณ์กว่า มีลายมือยุกๆ ยิกๆ วาดรูปแปลกก็มี หรือจะระบายด่าใครก็ได้ ไม่มีใครมาอ่านของเรา เหอๆ เว้นแต่วางทิ้งไว้ให้คนสงสัย ต่างจากพวกสื่อ online นี่นะครับ ต้องระวังให้มาก มีคนอ่านเยอะ ยิ่ง Gotoknow ด้วยแล้ว มีทั้งครูบาอาจารย์ พี่น้องผองเพื่อน คิดว่าซักพักบทความนี้ก็คงมีคนมาอ่านมากมายจากหลายที่ เดี๋ยวซักพักคุณแม่ผมที่อยู่นนทบุรีก็คงมาเปิดอ่าน แต่คุณพ่อผมคงไม่ฮิต พ่อเป็นทหารม้าฮิตรถถังมากกว่า ยิ่งสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ รถถังเลยยิ่งต้องฮิตไปใหญ่
ผมเคยนะครับ แต่งกลอนเล่นๆ ลงไว้ใน space แต่งขำๆ นะครับไม่มีอะไร ปรากฏว่าวันหนึ่งมีคนส่งเมล์มาให้ผมใจความว่า มันผิดสัมผัสนะ ไม่ถูกตามหลักภาษา การใช้คำก็ไม่เข้ากับบริบทของเนื้อเรื่อง ซะงั้นนะครับ ผมก็ว่าแปลกๆ ดีแต่ก็ไม่ได้ว่ายังไง รวมถึงไม่ได้ตอบกลับ แต่พอค่ำสวดมนต์ปฏิบัติกรรมฐานก็ได้แผ่เมตตาให้เป็นการขอบคุณ
กลับบ้านคราวนี้ผมถ่ายภาพมานิดๆ หน่อยๆ นะครับส่วนใหญ่จะลงไว้ใน space แต่ตอนนี้ภาพที่ถ่ายมาจากบ้านยังไม่ได้ลง (เดี๋ยวคงลง) แต่ก็มีภาพเดิมที่ลงไว้ ไปดูกับได้แก้เซ็ง เดี๋ยวนี้ผมชอบถ่ายภาพในโทนสี Sepia นะครับผมว่าดูแล้วได้อารมณ์ความหลังดี แต่ก็ในบางสถานการณ์นะครับ ไปถ่ายงานแต่งสีแบบนี้คงไม่ไหว ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของ Sepia ก็คือแต่ก่อนผมถ่ายภาพสีธรรมดามา เพื่อนๆ ก็จะบ่นว่าสีไม่สวยนะ มันตัดกันเกิน จุดโฟกัสไม่เด่น หรือสีไม่อิ่มตัว อย่างนั้นอย่างนี้ ถ่ายแบบ Sepia ก็ดีครับไม่เวิ่นเว้อเรื่องสี ดูองค์ประกอบของภาพ + อารมณ์เป็นหลัก
ที่มาลงบันทึกนี่ไม่ใช่อะไรนะครับ อยากชวนให้ทุกท่านเขียนไดอารี่เก็บไว้ ไม่ทุกวันไม่เป็นไร แต่ขอให้เก็บไว้ แล้วเมื่ออยากเขียนก็เขียน อีกซักนานๆกลับมาเปิดอ่านก็ โอโห ... มันอย่างนั้นเลยเหรอ บางสิ่งบางอย่างลืมไปแล้ว ยังมีบันทึกพวกนี้ช่วยจำ ผมกลับไปอ่านบันทึกของผมสมัยประถมแล้วก็เห็นหลายอย่าง ทั้งกระบวนการคิดของเราในวัยนั้น สถานการณ์บ้านเมืองหรือค่านิยมต่างๆ ในยุคนั้น ที่เราเขียนลงไปแล้วมันสื่อถึงโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ลองดูนะครับ ถ่ายภาพก็ดี เขียนบันทึกก็ดี มีค่าทั้งนั้นเมื่อเวลาผ่านไป เหอๆ ตีค่ายากครับของเก่าๆ ผมไปเจอรูปผมถ่ายตอนอยู่อนุบาล รูป ๒ นิ้วนะครับเป็นขาวดำ คิดว่าน่าจะถ่ายตอนไปสมัครเข้าอนุบาลรึไงไม่ทราบ และคิดว่าเหลือใบนี้ใบสุดท้าย ดีที่เก็บไว้ อย่างนี้นะครับเอาทองมาแลกก็ไม่ยอม เหอๆ เจริญในธรรมครับ (เกี่ยวไหนเนี่ย)
ภาพสุดท้ายนี่เป็นภาพถ่ายสุดท้ายก่อนจบ ป.๖ ครับ ลองหาดูซิครับ ว่าผมอยู่ตรงไหน อิอิ ทายถูกไปรับรางวัลได้ที่พี่ตูน QANU ได้เลยครับ อิอิ (แล้วพี่ตูนจะบอกว่า "อะไร...ไม่รู้เรื่อง 555+")
.......................................
เย้ๆได้คอมเม้นเป็นคนแรก
เขียนไดอารี่เหมือนกันแต่ออกแนวสะสมความรู้จากหนังสือหรือที่ไปเที่ยวมากกว่า เขียนจดหมายหาแฟนมะเคยอะ หุๆ
สวัสดีปีนังน้อย
ตอบพี่แก่นจัง
ปล. แต่ปืนเขียนไดอารี่ได้สนุกจริงๆ นะ ใช้ภาษาง่ายๆ อ่านเข้าใจได้ดี เสียอย่างเดียวอะนะ ไม่ค่อยเขียน
^__^
เปิดออกมาดูโดยไม่ตั้งใจ ว่าจะได้เจอรูป -จดหมายเก่าๆ
อยู่ในวันเวลาที่สดใส วันที่มีเราข้างกัน
ภาพเดิมๆก็หวนมา เปลี่ยนเวลากลับไปวันนั้น
ใจก็เหมือนสั่นๆ เกือบลืมกันแล้ว
ต่างเดินกันไปตามทางของใคร แยกไปค่อยๆไกลห่าง
อยู่ดีๆวันนึงก็จางหาย คลาดกันโดยไม่รู้ตัว
แต่เรื่องราวที่สวยงาม อยู่อย่างเดิมไม่เคยหมองมัว
ในหนังสือเก่าๆ ไดอารี่เล่มเก่าๆเล่มนี้
------------------------
ข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบเขียนบันทึกชีวิตที่ไม่ค่อยประจำวัน ... ไม่เคยนึกเลย ว่าสิ่งที่อาจารย์เคยบังคับ กลับกลายเป็นสิ่งที่ตนชอบ ...
ตัวหนังสือยุ่งๆ ที่วางบนกระดาษเก่าๆ ใครจะรู้ว่ามันสามารถเก็บเรื่องราวต่างๆได้มากมาย เก็บความรู้สึกในตอนนั้น ภาพเดิมๆ ก็เริ่มแย่งกันออกมาให้เรานึก แล้วยิ้มไปกับมัน
ตอนนี้...หนังสือเล่มน้อยกลับถูกทอดทิ้ง ใช่ว่าไม่อยากสนใจ ใช่ว่าไม่มีเวลา แต่เวลาไม่พอ เวลาส่วนใหญ่อยู่กับกระจกสี่เหลี่ยม แบนๆ ที่เค้าเรียกกันว่า โน๊ตบุคส์ บันทึกจึงย้ายมาอยู่ในโลกไซเบอร์
บนกระดาษ - บนอากาศ บันทึกของข้าพเจ้าก็ยังมีอยู่
บนกระดาษ ... ความลับ ไม่อยากบอกใคร เก็บตัว
บนอากาศ ... ความไม่ลับ บอกใครได้ ไม่เก็บตัว ไม่เปิดตัว
ขอบคุณ น้องจุฑามาศ
ปกติก็คิดถึงปืนทุกวันอยู่แล้ว เมื่อไหร่จะเรียนจบกลับมาอยู่กับแม่ซะที ปืนเขียนได้สนุกน่าอ่านน่าติดตามรูปที่ว่านั้น อายุ2ขวบครึ่งก่อนพาไปสมัครเตรียมอนุบาล ครูบอกว่าขอทดลอง 7 วัน ถ้าไม่ร้องไห้จะรับไว้ และได้เข้าเรียนตั้งแต่นั้นมา(ตอน 2 ขวบถือกระเป๋าปลอมๆไปยืนรอรถนักเรียนหน้าบ้านทุกวัน พอคนอื่นๆขึ้นรถไปหมด ปืนก็ถือกระเป๋ากลับเข้าบ้านเหงาเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก แม่จึงจัดให้)
ตัวเล็กจังหายากมาก
ขอบคุณคุณแม่และผู้อ่านทุกท่าน
อยากเห็นจังรูปอนุบาล รูป ๒ นิ้วเนี่ย อิอิ