แต่ละวันที่ชีวิตดำเนินไป มีเรื่องราวมากมายมาแวะเยี่ยมเยียนจิตใจและความรู้สึกนึกคิดของเรา ทุกคนมีโอกาสเจอปัญหาและอาจตัดสินใจพลั้งพลาดได้
ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดปกติ แต่ที่สำคัญเมื่อประสบปัญหา คนที่ยอมรับความจริงและมีจิตบวก จะไม่เกิดอาการทุรนทุราย ไม่กดดันตัวเอง และสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ไปได้
การทำจิตให้เป็นบวก ไม่ได้หมายถึง การนิ่งอยู่เฉย ๆ โดยปล่อยวางแบบไม่คิด/ ไม่รับรู้อะไรเลย แต่ต้องสังวรถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้น รับรู้ว่า โลกนี้มีทั้งสีขาว และ สีดำ มีสว่าง และ มืด เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเลือกมองด้านใด จะมองว่า น้ำในแก้ว มีเพียงครึ่งเดียว หรือ มีตั้งครึ่งแก้วแน่ะ
ประสบการณ์ดีหรือไม่ดี ถือเป็นครูในชีวิต ทำให้ชีวิตเจริญเติบโต แข็งแกร่งขึ้น หากมองอุปสรรคเป็นบวก เป็นบทเรียนที่พึงเรียนรู้ จะทำให้เกิดพลัง เกิดการสร้างกำลังใจให้มุ่งมั่นเดินต่อไป ตรงกันข้ามกับการคิดบั่นทอนกำลังใจ การรักษาให้จิตบวก ทำให้เกิดความภาคภูมิใจและเห็นคุณค่าของตัวเอง
จิตบวก เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากที่จะฝึกฝน การเปลี่ยนทัศนคติและความคิด ไม่ใช่ว่าจะเกิดได้ในชั่วข้ามคืน
ในหน้าที่การงาน แม้งานหนักและยากลำบาก แต่ถ้ามองพลิกให้เป็นเรื่องของการท้าทายความสามารถ ซึ่งจะเพิ่มประสบการณ์ในชีวิตและศักยภาพให้แก่ตัวเรา เราคงจะมีชีวิตการทำงานที่เป็นสุขที่สุด
เหลียวไปมองแก้วข้าง ๆ คุณ ว่า มีน้ำอยู่ในแก้วหรือไม่ ถ้ามี มีเหลือเพียงครึ่ง หรือ มีอยู่ตั้งครึ่งแก้ว
สุปราณี (แกบ) จริยะพร
ไม่มีความเห็น