วันนี้ได้ไปอ่านบทความ จากกรุงเทพธุรกิจ เกี่ยวกับการเล่นของเด็กๆ เห็นว่าน่าสนใจและเป็นข้อคิดสำหรับผู้ใหญ่หลายๆคนที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ได้นำไปเป็นแนวทาง สำหรับดูแลเด็กๆของเราต่อไปค่ะ
ผลวิจัยระบุแม้การนั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์ดูเหมือนเพลิดเพลิน แต่แท้จริงแล้วความทรงจำแสนสุขของเด็กมาจากการละเล่นง่ายๆ เช่น การก่อปราสาททราย เล่นว่าว หรือเล่นลูกหินมากกว่า
ในทางกลับกัน ทีวี คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก์อื่นๆ แทบไม่เหลือร่องรอยอยู่ในซอกมุมความทรงจำวัยเด็กเลย
ดร.เดวิด เลวิส ผู้ทำวิจัยเรื่องนี้ กล่าวว่าสิ่งที่พบบ่งชี้ว่า เด็กสมัยใหม่กำลังเสี่ยงที่จะพลาดประสบการณ์ชีวิตที่ดีที่สุด
คำเตือนนี้มีขึ้นขณะที่สังคมกำลังกลัวกันว่า เทคโนโลยีทำให้เด็กยุคนี้โดดเดี่ยวเดียวดาย เพราะมีปัญหาในการทำความรู้จักกับเพื่อน
การขาดการออกกำลังกายยังเป็นปัจจัยสำคัญของโรคอ้วน ในภาวะที่เด็กใช้เวลาเฉลี่ยสัปดาห์ละเกือบ 9 ชั่วโมงครึ่งนั่งแหมะอยู่หน้าทีวีหรือเล่นวิดีโอเกม แต่ออกกำลังกายวันละไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า หากภาครัฐไม่ลุกขึ้นมาจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว เยาวชนในวันนี้จะเผชิญกับโรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน และโรคอื่นๆ ที่เป็นผลพวงของโรคอ้วนในอนาคต
ในการวิจัยล่าสุด นักวิจัยทำการสะกดจิตคุณแม่ยังสาวกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้ผู้หญิงเหล่านี้ย้อนนึกถึงเหตุการณ์วัยเด็ก
หลังจากถูกสะกดจิต อาสาสมัครที่ถูกตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจและวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับเหงื่อไปด้วย จะถูกขอให้เล่าถึงช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดขณะอายุ 6-7 ขวบ
ผู้หญิงทั้งสิบคนในการทดลองล้วนเล่าถึงการเล่นนอกบ้านกับเพื่อนและครอบครัว เช่น ก่อปราสาททราย และเล่นว่าวในสวนสาธารณะ โดยไม่มีใครเลยที่พูดถึงการทำกิจกรรมตามลำพังในบ้าน เช่น การดูทีวี หรือเล่นเกมอิเล็กทรอนิกส์
ขณะเดียวกัน การสำรวจแม่ 500 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยชิ้นเดียวกัน พบว่ากลุ่มตัวอย่าง 9 ใน10 คิดว่าเด็กวันนี้ขาดอิสระเสรีของวัยเด็ก
ดร.เลวิส จากบริษัทวิจัยเอกชน มายด์ แล็บ บอกว่าการสำรวจพบว่า พ่อแม่คิดว่าลูกๆ มีความซับซ้อนเกินกว่าจะสนุกกับการเล่นว่าว หรือการละเล่นธรรมดาๆ กลางแจ้ง แม้อายุแค่ 5 หรือ 6 ขวบก็ตาม และทั้งที่ตัวเด็กเองก็อยากออกไปเล่นนอกกรอบสี่เหลี่ยมเหมือนกัน
ดังนั้น ข้อแนะนำสำหรับผู้ปกครองก็คือ หาเวลาว่างออกไปเล่นอะไรง่ายๆ กับลูกนอกบ้าน เปลี่ยนไวไฟเป็นต้นไม้ เพื่อให้ครอบครัวตามหาเวลาที่หายไปกลับคืนมา
ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 4 มิถุนายน 2550
สรวงธร นาวาผล
ไม่มีความเห็น