แม่.............


รักแม่

                ในชีวิตหนึ่งของมนุษย์   มีเวลาไม่มากที่เราจะทำให้แม่ได้รับความยินดี  ความปลาบปลื้มใจ  ความรู้สึกที่ดีๆ   เกือบครึ่งหนึ่งของชีวิตที่เราอยู่ภายใต้การกกกอดของแม่และครอบครัว   เมื่อเราปีกกล้าขาแข็งก็จรออกจากอ้อมกอดไปสู่โลกกว้าง  เป็นอีกช่วงหนึ่งของชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลง และจะมีบทบาทอื่นๆมามากมายมาแทนต่อจากนั้น  ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการที่เราจะทำอะไรเพื่อคนที่รักเคารพและบูชา หรือแม่ของเรา   มีเวลาจำกัด  โดยเฉพาะกับสังคมสมัยใหม่  เป็นยุคแห่งการแข่งขันเพื่อเอาตัวรอด  ในขณะที่ตัวเองอยู่ระหว่างความรอดกับความไม่รอด  การที่จะแบ่งปันเพื่อผู้อื่นดูเหมือนว่าโอกาสจะเหลือน้อยเต็มทน

                แม่   คำนี้เป็นคำที่แสดงความเป็นสิ่งสูงค่ามาแต่บรรพกาล  ความยิ่งใหญ่เกิดจากการได้ทำหน้าที่ของท่านต่อลูกอย่างสมเกียรติ  ไม่ว่าลูกคนนั้นเกิดมาน่ารักน่าชัง  น่าเกลียดพิกลพิการ  รูปชั่วตัวดำ  สมบูรณ์หรือบกพร่อง  แม่ไม่เคยปฏิเสธความรับผิดชอบที่ตนพึงกระทำต่อลูก  ความยิ่งใหญ่เช่นนี้เอง   คำว่าแม่  จึงถูกนำไปเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงความเป็นสิ่งสูงค่าเชิงบทบาทและหน้าที่อันยิ่งใหญ่และหนักอึ้งของคนอีกหลายจำพวก  เช่น แม่ของแผ่นดิน  แม่ทัพ  แม่น้ำ  แม่ธรณี  แม่แรง  แม่พิมพ์  แม่แบบ  แม่ทูนหัว  แม่พระ  แม่ครัว  แม่ค้า  เป็นต้น  

                แม่มีนิยามที่ได้รับการยกย่องหลากหลายนัย   บ้างก็ว่าเปรียบเหมือนแผ่นฟ้ามหาสมุทร  บ้างก็ว่าเหมือนโคมทองแห่งชีวิต  บ้างก็ว่าเหมือนเกราะกำบังของชีวิตลูก  คือมีสารพัดจะพรรณนา   แม่หลายคนที่ปรากฏเป็นตัวอย่าง  ตั้งความหวังไว้กับลูกเพื่อให้ลูกเป็นตัวแทนแห่งความสำเร็จของตระกูล  หวังเพียงว่าขอให้สักคนที่เรียนสูงๆ  มีความรู้ เรียนจบปริญญาตรี เพื่อเป็นศักดิ์เป็นศรี  เชิดหน้าชูตาของพ่อแม่และครอบครัว  ถึงกับมุมานะทำงานเพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือ  ทำทุกอย่างงานบางอย่างไม่เคยทำ  แต่ต้องเอาตัวเข้าแลก  งานบางอย่างไร้เกียรติเสียศักดิ์ศรีก็มี  ลูกรู้ว่าแม่ทำงานแต่ไม่รู้ว่าเกียรติและศักดิ์ศรีของแม่อยู่ที่ใด  แต่แม่รู้ว่าเกียรติและศักดิ์ศรีของแม่วันนี้ไม่มี   มีความหวังว่า  วันหน้าลูกจะเป็นผู้กู้เกียรติและศักดิ์ศรีของแม่คืน  แต่ลูกจะเป็นผู้คืนความสมหวังให้กับแม่หรือไม่  ไม่มีใครรู้  แต่มันเป็นความฝัน  ความหวังของคนๆหนึ่งที่มีหน้าที่เพื่อลูก  ที่มีหน้าที่รักลูก

                เคยถามคนที่มีลูกหลายคน  ว่ารักลูกคนไหนมากที่สุด   ได้รับคำตอบว่า  รักนะรักทุกคน  แต่จะรักคนเล็กที่สุด  รักนะรักแบบเป็นห่วง  เพราะคนเล็กยังช่วยตัวเองไม่ได้มาก  ยังไม่เข้มแข็งเหมือนพี่ๆ  วันนี้ความเป็นห่วงจึงต้องคอยประคับประคองปีกและขาของเขาให้กล้าแกร่ง  ความรักและความเป็นห่วงของแม่มีต่อลูกทุกคน  แต่ก็มีนะลูกที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของแม่ ก็หาว่าเป็นรักลำเอียง  ความรักที่สวยงามของแม่จึงเป็นรักริษยา   คำตอบที่ได้รับจึงทำให้รู้ว่า  ความคิดของนกกระจิบน้อยหรือจะเทียมเท่าความคิดของพญาอินทรีย์

                มีเหตุการณ์เป็นตัวอย่างเรื่องหนึ่ง  ที่สะท้อนอนาคตของสังคมไทยเกี่ยวกับครอบครัว  ที่ทำให้นึกถึงบรรดาพ่อและแม่รุ่นใหม่  ที่มีชีวิตครอบครัวแบบไกลตาไกลตีน (การอยู่นอกสายตากับการไปมาหาสู่กันนานนานครั้ง)  โดยเฉพาะครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวัด  ที่สู้อุตส่าห์ตั้งใจส่งลูกมาเรียนในเมืองเจริญ  ก่อนมาหอบเอาความฝันของพ่อแม่และของตระกูลมา  ทุกคนฝันเหมือนกันว่าวันหนึ่งลูกคนนี้จะเป็นที่ยอมรับของทุกคนเพราะได้เป็นบัณฑิต  วันนั้นเราจะมีงานรับปริญญาและถ่ายรูปร่วมกัน  เป็นความฝันที่แสนจะเรืองรองและสดใสเสียกระไร  วันหนึ่งขณะที่เดินจะไปสอนหนังสือ  มีนักศึกษาชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้  และยื่นกระดาษให้แผ่นหนึ่งพร้อมกล่าวว่า  อาจารย์ช่วยเซ็นต์พักการศึกษาให้ผมด้วยครับ  รับกระดาษมาแล้วก็ย้อนถามว่าทำไมหรือ  มีปัญหาอะไรที่พอจะช่วยแก้ไขบอกมาจะได้หาทางออกให้  เขาบอกว่า  ผมเวลาเรียนไม่พอ  ไม่ได้เข้าเรียนเลยครับ  อ้าวมีปัญหาอะไรหรือ  มีเสียงตอบมาว่า  แฟนผมท้อง ผมพาเขาไปทำแท้ง  และต้องดูแลเลยไม่มีเวลาครับ  คำตอบทำให้อึ้ง  ขณะที่กำลังงงอยู่  ก็มีกระดาษอีกแผ่นหนึ่งยื่นมา และมีเสียงใสๆ  ดังขึ้นว่า  หนูก็ขอพักการศึกษาด้วย  ก็เลยหันไปตามเสียงถามว่า  อ้าวเธอมีปัญหาอะไรกับเขาด้วยหรือ    มีเสียงตอบแทนจากนักศึกษาชายว่า  เขาเป็นแฟนของผมเองครับ   พอสิ้นเสียงตอบ  ก็เลยทำให้เข้าใจในสิ่งที่เราถามไป   เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้นึกถึงพ่อและแม่ของเขาทั้งสองมากที่สุด  สังคมไทยเรามีพัฒนาครอบครัวเร็วเกินไป  เร็วจนกระทั่งวัฒนธรรมครอบครัวแทบจะหมดความหมาย  นี่คือคนที่จากบ้านมาไกล  หอบเอาความฝันของพ่อแม่มาเพื่อสานก่อให้เป็นจริง  พาชีวิตก้าวข้ามสู่สะพานฝันระหว่างบ้านกับเมืองใหญ่  เหตุการณ์ต่างๆ  ที่เกิดในบ้านเรา  ทำให้ได้ข้อสรุปแบบเดิมๆ  พ่อแม่คือสุสานที่รองรับความเจ็บปวดของลูก  ถ้าวันหนึ่งพ่อกับแม่รู้เรื่องของลูกตัวเอง  ทำให้คิดมากไปกว่านั้นว่า  ความรักของพ่อกับแม่ช่างสูญเปล่า  ทำให้เห็นความรักกับความโง่นี่มันเป็นอย่างเดียวกัน  เพราะลูกหลายคนใช้ชีวิตในเมืองแบบสิ้นเปลือง  ใช้ต้นทุนชีวิตสูงมาก  โดยที่พ่อกับแม่ยังเห็นลูกเป็นลูกคนเดิมที่น่ารัก น่าเอ็นดู เหมือนครั้งในอดีตที่ผ่านมา   นี่หรือความรักของพ่อแม่ที่ใครๆ  ก็ยกย่องว่ายิ่งใหญ่  หาอะไรมาเทียมเท่าไม่มี

                ในพุทธศาสนาได้ยกย่องแม่ว่าเป็นผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติอันยิ่งใหญ่  ไว้ดังนี้

                (1) แม่คือพระพรหม   โดยฐานะของพรหม คือเป็นผู้เทพชั้นสูง  แม่ของเรามีฐานะเทียมเท่าพรหมเพราะท่านมีคุณธรรมแห่งพรหม  อันได้แก่  เมตตา   กรุณา  มุทิตา  อุเบกขา ที่แม่มีต่อลูกทุกคน   (2)  แม่คือบุพพาจารย์  เป็นครูคนแรกของลูกที่สอนการพูดการจา  สอนให้รู้กินการนอน  สอนให้ตั้งไข่และเดิน  สอนให้รู้ดีรู้ชั่ว  กล่าวคือเป็นครูที่สอนสรรพวิชา  เป็นครูที่เก่งที่สุด มีจิตวิทยาชั้นยอด  เรื่องใดที่แม่ไม่รู้  แม่จะทำตัวเป็นนักศึกษาเพื่อเรียนให้รู้  เพื่อนำมาสอนลูกของตัวเอง  (3)  แม่คืออาหุไนยบุคคล  คือเป็นผู้ควรแก่การกราบไหว้ เคารพบูชา  เปรียบได้กับพระอรหันต์  คือท่านเป็นพระในบ้าน  ความที่ท่านมีคุณูประการเทียมเท่าพระอรหันต์ที่เอง  ลูกคนใดกตัญญูรู้คุณ  จะพบแต่ความเจริญก้าวหน้า   แต่หากว่าลูกคนใดประพฤติตนเป็นลูกทรพี  มีโทษเป็นครุกรรม  ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานเลยทีเดียว

                สมัยที่พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นดาบสชื่อว่า  โสณบัณฑิต  ได้กล่าวยกย่องแม่ว่าเป็นผู้ประเสริฐยิ่งใหญ่ไว้ดังนี้

                1. แม่โทหฬินี  คือเป็นผู้ที่มีใจให้กับลูก รักลูก  คราวที่สายเลือดใหม่ได้เกิดขึ้น  แม่มอบความรักให้กับลูก เริ่มแพ้ท้อง เริ่มระมัดระวังความปลอดภัย  การกินการอยู่ เกรงว่าจะมีผลต่อลูกในครรภ์  แม่บางท่านเวลาคลอดลูกออกมาพอเห็นหน้าลูก  น้ำตาถึงกับไหล เพราะโล่งใจ  ที่เห็นลูกของตัวเองปลอดภัยพร้อมกับสายใยแห่งรักได้เพิ่มทวีมากขึ้น  

                              ดวงใจแม่สะอาดแท้กว่าทุกสิ่ง                    ดวงใจแม่สะอาดยิ่งกว่าสิ่งไหน

                              ดวงใจแม่สะอาดเกินกว่าสิ่งใด                    ดวงใจแม่มีไว้เพื่อลูกเอยฯ                                                                                                              (ทยาลุ)

                2. แม่สุหทา  คือเป็นผู้มีใจดี  มีใจจดจ่ออยู่แต่ลูกไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใด  หัวใจแม่มีแต่ลูกเท่านั้น แม่ลักษณะนี้จะไม่ฆ่าลูกของตัวเอง  ลูกตัวเองจะเป็นเช่นไรก็ตาม  ไม่ทำร้ายลูกแม้ว่าลูกจะหลงทางแห่งชีวิตไปบ้าง  ไม่ตำหนิหรือซ้ำเติมเมื่อลูกเดินทางผิดพลาด

                            ฟ้าว่าสูงยังไม่เทียมหัวใจท่าน             ชลธารว่าเย็นยังเป็นสอง

                            ความหนักแน่นแผ่นดินยังเป็นรอง     หัวใจผู้เป็นแม่แน่จริง เอย           

                                                                                                 (ไพเราะ  กฤษณวดี)

                3.  แม่ชยันตี   คือแม่ที่ให้กำเนิดลูก เป็นผู้บังเกิดเกล้าที่ให้ชีวิตใหม่  ถ้าแม่ไม่มีหัวใจแห่งรักแล้ว บรรดาลูกๆ  คงไม่ได้ลืมตามาเห็นโลกอันสดใสนี้แน่  เราเห็นตัวอย่างเยอะมากในสังคมเมือง  ที่แม่ประเภทนี้ฆ่าลูกตัวเองด้วยวิธีต่างๆ   ทำให้ชีวิตน้อยๆ  หมดโอกาสตายก่อนวัยอันควร 

                           รักของใครหรือจะแท้เท่าแม่รัก                    ผูกสมัครสายเลือดไม่เหือดหาย

                           คนอื่นรักยังประจักษ์ว่ารักคลาย                 จืดจางง่ายไม่จีรังดังมารดา    

                                                                                                  (ป.  ชาติปราชญ์)

                4.   แม่โตเสนตี  คือแม่ที่คอยปลอบประโลม  ปลอบโยนเวลาที่เราอ่อนล้า  แม่ผู้มีหัวใจอภัยเมื่อเราผิดพลาด  แม่ที่คอยแต่ยกย่องเมื่อเราทำดี             

                           มารดาเป็นมิตรในเรือน                               มารดารเป็นเพื่อนในบ้าน

                          มารดาเป็นอาจารย์สอนชีวิต                        มารดาเป็นพรหมลิขิตชีวิตลูก      

                 แม่ในความหมายของพุทธศาสนานั้นยิ่งใหญ่จริงๆ   สังคมไทยเป็นสังคมพุทธศาสนา   ครอบครัวไทยจึงมีรอยยิ้ม เพราะมีศาสนาเป็นรากฐานแห่งรัก ทำให้ครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกอยู่    ลูกทั้งหลายจึงมิลืมเลือนแม่ที่อยู่เหนือเกล้าเหนือชีวิตที่บ้านของเรา   และเป็นบุญวาสนาของแม่ๆทุกคนที่ลูกๆ  ที่เห็นท่านเป็นปูชนียบุคคล  เป็นโอกาสอันดีที่วันนี้  แม่รักเราเรามีแม่ที่รักอยู่   แต่วันหน้าเรารักแม่ไม่มีแม่ที่รักเรา

 

                 12  สิงหาคม  ในวโรกาสแห่งวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์บรมราชินีนารถ  ผู้เป็นแม่แห่งแผ่นดินของปวงชนชาวไทย   ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และการรวมพลังแห่งความดีทั้งมวลของคนไทย จงอำนวยพรให้พระองค์ทรงพระเจริญมีพระชนมายุยิ่งยืนยาวเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไป    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

 

               

คำสำคัญ (Tags): #แม่
หมายเลขบันทึก: 117754เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2007 18:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท