ถึงทำได้ทุกบทบาท "แต่ขาดใครไม่ได้" ไม่มีพลัง


ไม่ว่าจะเป็นคุณกระบวนการ คุณประสาน คุณลิขิต ทุกบทบาทมีความสำคัญ ไม่แพ้กัน เลยครับ และในการลงทำเวทีแต่ละครั้งทุกบทบาทก็ขาด ไม่ได้เหมือนกันครับ เพราะหากขาดคนใดคนหนึ่ง ก็เหมือน กับร่างกายที่ขาดแขนขา หรืออวัยวะบางส่วนแม้จะทำงาน ได้แต่ก็ไปด้วยความทุลักทุเลมากครับ...

            “ตอนนี้หน่วยงานมาร่วมกระบวนการน้อยเพราะเป็นห่วง งานในฟังค์ชั่นของตัวเอง  ต้องดูงานที่สามารถเชื่อมโยง บูรณา การกันได้ ก็จะทำให้สะดวกขึ้น...”
            ข้อความข้างบนเป็นคำปรารภของท่านผู้ว่าฯ วิชม  ทองสงค์     เมื่อวันที่  24  กรกฎาคม  2550  ผมฟังแล้วรู้สึกสงสารท่านครับ.. เพราะ ท่านตั้งใจมากกับการทำงาน...(เป้าหมายชุมชนอินทรีย์)  ฟังดูแล้วก็ เป็นเรื่องจริงอยู่ไม่น้อยครับ... โดยเฉพาะทีมทำงานในระดับพื้นที่ (คุณอำนวยตำบล)
            ผมยอมรับครับว่า  บทบาทตัวละครคุณอำนวยที่ทำหน้า ที่ ขับเคลื่อน  ทำกระบวนการในพื้นที่  ไม่ว่าจะเป็นคุณกระบวนการ  คุณประสาน  คุณลิขิต  ทุกบทบาทมีความสำคัญ ไม่แพ้กัน เลยครับ  และในการลงทำเวทีแต่ละครั้งทุกบทบาทก็ขาด ไม่ได้เหมือนกันครับ  เพราะหากขาดคนใดคนหนึ่ง ก็เหมือน กับร่างกายที่ขาดแขนขา หรืออวัยวะบางส่วนแม้จะทำงาน ได้แต่ก็ไปด้วยความทุลักทุเลมากครับ...
            คุณอำนวยจากแต่ละหน่วยงานเหมือน เฟือง ที่ลงไปขับเคลื่อน กระบวนการ มองให้ง่ายคือ ในเครื่องยนต์หากมีเฟือง ตัวเดียวที่ใช้ ใน การขับเคลื่อนเครื่องยนต์นั้นก็ไม่มีพลังทำงานหนัก  แต่หากมีเฟือง หลาย ตัวประกอบกันก็จะทำให้เครื่องยนต์นั้นมีพลังสูงขึ้น  สามารถ ที่จะทำงานได้เร็วขึ้น  หากคุณอำนวยจากทุกหน่วยงานมาประสาน เชื่อมโยงกันบูรณาการการทำงานร่วมกันก็จะทำให้เกิดทีมทำงานที่ มีพลังสามารถที่จะขับเคลื่อนงานในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่รู้ว่าผมเห็นแปลกแยกไปจากคนอื่นหรือเปล่า 

            สิ่งสำคัญที่เราทีมคุณอำนวยจะต้องทำคือลงไปขับเคลื่ือนทีม คุณกิจแกนนำให้ทำหน้าที่เป็นคุณอำนวยระดับหมู่บ้าน หรือชุมชน แทนพวกเราให้ได้ หมายถึงว่า เมื่อถึงวันที่ หน่วยงานเริ่มถอยออกทีม คุณกิจแกนนำ (คุณอำนวยหมู่บ้าน) ก็สามารถที่จะเดินกระบวนการ ของชุมชนไปได้อย่างต่อเนื่อง ไม่จบสิ้น

            ผมคิดว่าหากทุกหน่วยงานมองที่งานฟังค์ชั่นของตนเองเพียง อย่างเดียวโดยไม่สนใจหรือเกี่ยวข้องกับการทำงานของหน่วยงานอื่น เลยนั้น...อาจทำงานได้สำเร็จแต่ก็ช้าและความสำเร็จนั้นจะไม่ยั่งยืน  ขาดความเชื่อมโยงต่อเนื่อง... ตรงกันข้ามหากเรา มองฟังค์ชั่น ของตัวเอง และมองฟังค์ชั่นของหน่วยงานอื่น ที่สามารถเชื่อมโยง สอดคล้องกันในเป้าหมาย แล้วมาบูรณาการการทำงานร่วมกัน งานจะประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและจะมีความต่อเนื่อง และยั่งยืน
            ผมมองว่า...หากทุกหน่วยงานบูรณาการเชื่อมโยงการทำงาน มุ่งเป้าหมายชุมชนอินทรีย์ ซึ่งเป็นเป้าหมายใหญ่ก็จะสามารถ ทำงาน ร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น  และสามารถที่จะไปถึงเป้าหมายของ หน่วยงาน ได้เร็วขึ้นด้วยเช่นกันเพราะเรื่องของการพัฒนาชุมชน หรือหมู่บ้าน โดยใช้การจัดการความรู้เป็นเครื่องมือ เพื่อไปให้ถึงชุมชนอินทรีย์นั้น เป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานสามารถทำงานร่วมกันโดยใช้ธงใหญ่ คือชุมชนอินทรีย์  เป็นที่ตั้ง  ส่วนเป้าหมายรายทาง หรือธงของ หน่วยงานต่าง ๆ นั้นสามารถที่จะเดินไปพร้อมๆ กันและช่วยเหลือ เกื้อกูลในเรื่องของการทำงานร่วมกันแต่หากทุกหน่วยงานมุ่งแต่สนใจ งานหน้างานของตนเอง  ก็จะเกิดความซ้ำซ้อนในการ ทำงานคนที่ เดือดร้อนคือ คุณกิจ หรือประชาชน  เพราะแทนที่จะมาร่วม เวที ครั้งเดียวรู้เรื่องหมดทุกหน่วยงาน กลับเป็นว่าทำงานเหมือนยุคเก่า คือ ประชุมวันละหน่วยงาน และยังมีของแถมคือเวทีชุมชนอินทรีย์ อีกหนึ่งเวที  เป็นการทำงานแบบแยกส่วน  ไม่ได้เนียนไปด้วยกัน   ซึ่งว่าไปแล้วมันไม่ได้เนียนกันมาจากข้างบน  หากเนียนมาจาก ข้างบนแล้ว ระดับพื้นที่คงไม่มีปัญหาเพราะโดย ส่วนตัวประสาน กันได้อยู่แล้ว 

            ผมรู้ว่าเป็นการยากในการที่จะ เปลี่ยน อะไรแบบทันทีทันใด  แต่ก็ไม่ยากในการที่จะได้เรียนรู้ร่วมกัน หากมีใจที่อยากจะทำงาน ร่วมกัน  ลดอัตตา  มาเปิดใจ  มองงานตัวเอง  มองงานคนอื่น  แล้วมาบูรณาการเชื่อมโยงกัน  อย่างเพียงแต่  “แบ”  แล้วไม่  “บู”  เวทีที่ทุกหน่วยงาน  ต่างคนต่าง “แบ” แต่ไม่ได้  “บู” ???

หมายเลขบันทึก: 117609เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2007 11:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีคะครูราญ........

ตั้งแต่จากกันหลังกลับจากงานที่พัทลุง เพิ่งมีโอกาสแวะมาติดตามสถานการณ์ของโรงเรียนคุณอำนวย เห็นงานเขียนของครูราญมากที่สุด แสดงถึงความตั้งใจอย่างแรงกล้าในการสร้างทีมคุณอำนวย แต่ทำไมรู้สึกได้ถึงความน้อยอกน้อยใจจากตัวหนังสือที่ถ่ายทอดออกมา (ไม่ทราบว่าเข้าใจถูกรึเปล่า) ถึงเรื่องที่ไม่ได้รับความร่วมมือจากใครๆ ตามที่คาดหวัง  ในฐานะที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องงานนี้ แต่ขอปลอบใจในฐานะเพื่อนร่วมห้องรุ่นแรก ว่างานลักษณะใจอาสามีความยากทุกงานคะ  อาจต้องสร้างกลยุทธ์จูงใจเพื่อให้เกิดความร่วมมือ คล้ายกลยุทธ์ทางการตลาด ทำนองนั้น  ยังไงก็จะติดตามอ่านงานครูราญเสมอนะคะ 

สวัสดีครับ...น้องรัช

  • ขอบคุณครับที่เข้ามา ลปรร และให้กำลังใจ
  • ความยากของงานเป็นเรื่องที่ท้าทายให้ทำครับ...
  • เหมือนกับการทำทีมคุณอำนวยให้แข็งแกร่งครับ...
  • สักวันหนึ่งคงจะมีทีมคุณอำนวยที่ทำงานร่วมกันจริงๆ ใช่เพียงเอาชื่อหน่วยงานมาใส่แล้วบอกว่าทำงานร่วมกันแล้ว
  • โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท