ส่องดาว


ได้ดาวดังใจ
ยายน้องพรรณ  เธอจะไปอยู่ส่องดาวไหม   โรงเรียนนี้ตำแหน่งว่างอยู่ดีนะ  ไปค่ะไปขอให้ได้พ้น ๆ บ้าน ( อยากไปตั้งนานแล้วตั้งแต่เห็นป้ายชื่อข้างทางหลวง ) ฟังเหมือนเบื่อบ้านเปล่าหรอก เราคนไม่ชอบอยู่บ้านต่างหาก  ไปถึงครั้งแรกทราบว่ามีวัดของพระอาจารย์วัน  อุตโม  ไม่รู้จักหรอกแต่ก็ไปกราบพระธาตุของท่าน  อยู่ ๆ ไปก็ฟังเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับการเป็นพระนักพัฒนาของท่าน  บอกก่อนนะวัดท่านอยู่บนภูเขาสมัยก่อนต้องเดินเท้าขึ้นไป ขอบอกว่ามันหยดเลยแหละ  ไม่มีบุญจริงยาก....... พอใกล้สงกรานต์ ( วัน ๘ คำ หรือ ๑๕ คำ จำไม่แม่น ) จะมีเทศกาลงานบุญชาวบ้านชาวช่องเขาก็ขนข้าวปลาอาหารขึ้นไปทำบุญกันรู้สึกว่าจะทำกัน ๕ - ๑๐  วันนี่แหละ  ทุกอย่างฟรีหมด  ใครใคร่กินกิน  ใครใคร่ซื้อซื้อ ( ไม่ได้ขายเขาเรียกว่าทำบุญเพราะทุกอย่างยกใหวัดหมดเลย ) โดยเฉพาะน้ำแข็งใส่เป๊บซี่นี่ฮิตมากเลยวันหนึ่งรายได้เป็นหมื่น ๆ บาทเฉพาะจุดทำบุญแก้วละ ๑ บาท  ทุบนำแข็งด้วยสากไม้ใส่ลังสมัยก่อนอากู๋อากงจำได้ ( ต้องกู๋กงสมัยครูนะ ) จุดบริการฟรีก็ไม่แพ้กันเลย ต้องบอกเป๊บซี่นี่คนอีสานเขาชอบแบบซื้อแฟ้บได้......อะไรทำนองนั้นแต่นี่บริษัทเขาเอามาบริจาค  นำแข็งก็บริจาค    เด็กนักเรียนโรงเรียนส่องดาวเขารับภาระนี้เป็นประจำ.......เมื่อสองปีก่อนไปเที่ยววัดมายังจำหม่องนอนได้เลย ๒๐  กว่าปีแล้วสภาพยังเหมือนเดิมเลย  ยุงบ้านน้อก  บ้านนอกอีกแหละ  ตกดึกเข้านอนหมด  ก็เดินบริการกันทั้งวันตั้งแต่๖ โมงเช้ายัน ๒ ทุ่ม  ยุงเลยงง  แต่ไม่มีจริง ๆ นะ  แปลกในป่าน่าจะมียุง  แต่ไม่มีแสดงว่า  ยุง  ยุง  ยุงมันยุ่งหัวใจ  (  คนอยู่บ้านนอกหัวใจไม่ค่อยยุ่งยุงเลยไม่มีไง )  ที่ส่องดาวนี่แหละที่เป็นแหล่งเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งการให้ที่ครูพรรณาได้พบเห็น  ทุกวันนี้เขาก็ยังมีงานบุญเช่นนี้อยู่  แต่ยุงมันพัฒนาแล้ว  ข้าวของที่มีวางขายก็ราคาค่อนข้างแพง     จะว่าไปแล้วหากคิดถึงสภาพที่เราต้องหอบขึ้นไปเองเหมือนขึ้นภูกระดึง  มันก็ไม่แพงเลยสำหรับคนรักสบาย  โม้มาตั้งนานอยากชวนไปเที่ยวส่องดาวต่างหาก  ข่าวเขาว่ามีจุดชมป่า และถ้ำของพวกพัฒนาชาติไทย ( กลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยกับบ้านเมืองสมัยนั้น....เรื่องจริงมีสองอย่างเหมือนปักต์ใต้บ้านเราเปรี๊ยบเลย ) ครูเคยไปมาแล้วรับรองได้อยู่สบายเป็นชาติออกลูกออกหลานก็มีกินมีนอนเพราะมีลำธารไหลผ่านเข้าไปในถ้ำ ถ้ำก็กว้างสัก ๕๐ ตารางเมตรได้  งานนี้ต้องขอบใจเจ้าไมตรี นักเรียนร.ร. ส่องดาวสมัยนั้น  บ้านเขาอยู่ที่บ้านท่าวัด ที่อุตส่าห์พาครูเที่ยวซุกซนไป  คนอีสานมีนำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่  ขี่รถจักรยานไปเที่ยวติดฝนขอหลบฝนตามบ้าน เย็นมากแล้วเขาก็หุงข้าวให้กินเราก็ขอบใจตามระเบียบผ่าเว้าลาวขอบใจท่าน ...ต้องเรียกพ่อตู้   พอจะจากมาพ่อตู้เอิ้นถามว่า อี่นางอี่นางเจ้าน่ะลาวบ้านได๋ ฮ่า ฮ่ ฮ่า   ข้อยบ่แม่นลาวด๊อก  ...........................อย่าลืมไปเที่ยวส่องดาวนะเพียงกราบและศึกษาประวัติของหลวงพ่อวัน  คุณ ๆ ทั้งหลายก็จะได้ดาวมาประดับใจแน่นอน......ตีลังกายันได้
หมายเลขบันทึก: 116671เขียนเมื่อ 3 สิงหาคม 2007 20:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท