ประมาณปี 2515 ศ. นพ. สวัสดิ์ สกุลไทย์ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล ส่งผมซึ่งขณะนั้นเป็นเลขานุการคณะ ของบัณฑิตวิทยาลัย ไปเข้ารับการอบรม เรื่อง Health Planning ที่เมือง Zagreb ประเทศยูโกสลาเวีย (ในขณะนั้น) เป็นเวลา 2 เดือน
เป็นการไปหลับๆ ตื่นๆ อยู่กับเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ แต่ก็มีประโยชน์ต่อการทำงานของผมมากในเวลาต่อมาจะไม่เล่าสาระของหลักสูตร ซึ่งเป็น Centralized Planning แบบคอมมูนิสต์แท้ สมัยนั้นจอมพลตีโต้ ยังมีชีวิตอยู่
แต่จะเล่าความประทับใจ ที่ช่วง 2 -3 สัปดาห์สุดท้ายของหลักสูตร เขาพาไปดูงานที่โปแลนด์ ที่เมือง Cracow และที่ค่ายกักกันยิวสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เมือง Auchwitz ซึ่งภาพเด็ดๆ ที่ผมถ่ายมายังหาไม่พบ มีแต่รูปถ่ายภายนอกค่าย
ภายในมีพิพิธภัณฑ์แสดงความโหดร้ายของคนที่ทำต่อคนด้วยกัน เพียงแต่ต่างเผ่าพันธุ์กันเท่านั้น เขาจับคนยิวมาเข้าค่ายกักกัน แล้วหลอกให้แก้ผ้าเข้าห้อง “อาบน้ำ” ซึ่งก็คือ gas chamber ที่ใช้วิทยาศาสตร์ออกแบบให้ฆ่าคนได้ในจำนวนมากในเวลาเดียวกันและประหยัด โดยการรมด้วยแก๊สพิษ
ฆ่าแล้วยังเอาเส้นผมมาทอเป็นผ้า เอากระดูกมาทำด้ามแปรงสีฟัน ฯลฯ มีรูปคนที่ถูกแพทย์ใช้เป็นเหมือนสัตว์ทดลองยา แต่นี่ใช้คนจริงๆ เข้าไปดูพิพิธภัณฑ์นี้แล้วหดหู่ใจที่สุด และจดจำจนตาย ว่ามนุษย์เรานั้น ที่ดีก็ดีเหลือประมาณ ที่ชั่วร้าย ก็เป็นได้อย่างสุดจินตนาการเหมือนกัน
ผมลองใช้ Google ค้นด้วย keyword Auchwitz ถึง 42,000 รายการ และมีรูปที่ผมเอ่ยถึงด้วย รูปที่ผมเอามาให้ดูนี้เป็นเพียงเครื่องเตือนความจำให้ผมเล่าเรื่องเท่านั้น
รูปแสดงชีวิตในค่ายกักกัน
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ แสดงความเหี้ยมโหดของมนุษย์ที่มีต่อกัน
ประตูทางเข้าค่ายกักกัน
วิจารณ์ พานิช
28 ก.ค. 50
กราบสวัสดีครับ
ถึงปัจจุบัน สันติยังมีไม่ทั่วโลก
ก็ขอภาวนาให้ในอนาคตอย่าได้มีเหตุการณ์ที่ทำกับมนุษย์ด้วยกันแบบนั้นอีกเลย ถ้าหากจะมีสงครามเกิดขึ้นอีกก็ตายกันไปแบบธรรมดาเพราะอาวุธสงครามเถิด อย่าได้มีการสร้างค่ายกักกันไว้เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์อย่างเช่นตวล สเล็ง เอาส์ชวิตซ์ หรือล้างบางแบบที่ญึ่ปุ่นทำไว้ที่นานกิงอีกเลยนะ สาธุ เพราะมันโหดเหี้ยมเกินกว่าผู้มีอารยธรรมที่เจริญแล้วและได้รับการศึกษาจะทำลงไปได้