ศุกร์ 6 มกราคม 2549 เย็น ๆ
ชาวกะหรอ+ชมรมผู้สูงอายุ ร่วมงานปีใหม่ของ อนามัยหัวทุ่ง
ทีมวิจัยมวล. ร่วมงานปีใหม่ของสถานีอนามัยหัวทุ่ง หมอติ๋วเป็นแม่งานใหญ่สถานที่ - แปลงบริเวณสถานีอนามัยหัวทุ่ง ต.กะหรอ เป็นคล้าย ๆ งานวัด มีลานรำวงย้อนยุค คล้าย ๆ ฉากในหนังเรื่องเพื่อนสนิท
ได้ข่าวว่าเริ่มงาน ตั้งแต่ บ่าย 2 โมง แต่เท่าที่คุยกับหลาย ๆ คน ได้ข่าวว่ามากันแต่เช้า ช่วยกันทำอาหาร ตกแต่งสถานที่ ร่วมแรงแข็งขันกันมาก ๆ
งานนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือของเจ้าของสถานที่ คือ สถานีอนามัยหัวทุ่ง อสม.ของทั้ง 5 หมู่บ้านที่อยู่ในการดูแลของสถานีอนามัย คือ หมู่ที่ 1, 3, 4, 5, 7, 8 (ส่วน หมู่ที่ 2, 6, 9 อยู่ในความรับผิดชอบของสถานีอามัยอีกแห่ง)
บรรยากาศคึกคัก ผู้คนมาก ไปถึงก็ได้กินข้าวเย็นของเขาเลย ได้ข่าวว่าอาหารมาจากทุกหมู่บ้านทั้ง 5 โดยมีการหยิบฉลากรายการอาหารหมู่บ้านละ 2 อย่าง (ร่วมแรงร่วมใจ สร้างความมีส่วนร่วม สร้างสำนึกความเป็นกลุ่มชุมชน) ส่วนชมรมผู้สูงอายุก็ไปสั่งไก่ย่าง 5 ดาวมาร่วมรายการ อร่อยมาก
มีอะไร ๆ น่าสนใจมากมาย อาทิ
ชาวบ้านต่าง ๆ มาร่วมงานกันคึกครื้น มีรอบรำวงเหมาโดย อบต. มวล. เครือข่าย และคนส่วนใหญ่ก็ร่วมรำกันทุกรอบเสมอ ท่าทางสายเลือดนักแสดงกันสุด ๆ
อีกอย่างที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของสถานีอนามัย คือชั้นล่างทีการปูพื้นด้วยกระเบื้อง และจัดทำห้องเก็บของของชมรมผู้สูงอายุด้วย ทั้งนี้เกิดจากการร่วมกันทอดกฐินของชมรมผู้สูงอายุได้เงินมาเกือน 1 แสนบาท และพัฒนาในเป็นลานกิจกรรมที่ใคร ๆก็มาใช้ประโยชน์ได้
จากกิจกรรมนี้ พบว่า อสม. + ชมรมผู้สูงอายุ + อนามัย
ประสานยื่นจับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เชิงประจักษ์: เห็นตัวแทนจาก อบต. ตำรวจ สถานศึกษา เข้าร่วมงาน)
เสียดายไม่ได้ไปด้วย ไม่งั้นจะได้รำย้อนยุคด้วยคนครับ
ผมเข้าใจว่า ความกลมเกลียวของชุมชนเป็นทุนสำคัญของการจัดการความรู้เพื่อไปสู่เป้าหมาย
งานจัดการความรู้ที่เนียนเข้าไปในงาน/กิจกรรมของชุมชนเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ร่วมกันตั้งไว้ จะทำอย่างไรได้บ้าง
ตัวอย่างที่อ.หญิงเล่ามา ชุมชนสามารถระดมทุน(ทอดกฐิน)เพื่อพัฒนากลุ่มองค์กรของตนเอง
น่าสนในมากครับว่าหมอติ้วใช้เทคนิคอะไรบ้าง
เพราะถ้าทำเป็นเรื่องเดียวกันก็จะเสริมพลังกันได้มากขึ้น
เช่นที่ทีมวิจัยไปร่วมงานด้วยโดยถือว่าเป็นงานเราด้วย
เข้าท่ามากครับ