2. บันทึกการเดินทางแนวทางชนบท อำเภอโนนสูง


เด็กๆในปัจจุบันจะรู้คุณค่าของเงินแค่ไหน ว่าเงินที่ส่งตนเรียนนั้นมาจากหยาดเหงื่อแรงงานของพ่อและแม่สักเท่าใด....น้อยคนนักที่จะตระหนักถึงจุดนี้ ใช้เงินอย่างมือเติบในสังคมอันฟุ้งเฟ้อในสังคมเมืองกรุง
          วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม 2550 มีโอกาสได้ท่องเที่ยวที่อำเภอโนนสูง ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดโคราชนี้เอง ป๋าซึ่งเป็นพ่อครัวใหญ่ประจำโรงแรมสุรสัมมนาคาร ที่มทส. ต้องการขนย้ายต้นไม้ไปปลูกที่สวน และบางส่วนจะนำไปบริจาคให้โรงเรียนประถมซึ่งขาดแคลนต้นไม้ในอำเภอโนนสูง ได้แก่ ต้นประดู่ พระยาสัตบรรณ (ต้นตีนเป็ด) และสะเดา

          ก่อนจะออกจากอำเภอเมือง ป๋าพาไปซื้อไก่บ้าน ซึ่งจะนำไปทำเป็นอาหารจานเด็ดให้กับผู้เขียนและพี่อีกท่านที่อาสานำต้นไม้ไปส่งให้ ระหว่างที่รอมีเรื่องน่าขันที่ว่า.....

          มีคนเดินมาหาทันทีที่จอดรอรอป๋าที่กำลังเดินไปซื้อไก่บ้าน ณ บริเวณ ตลาดประตูผี แล้วถามว่า ต้นไม้นี่ต้นอะไรคะ พี่ชายเราก็ตอบไปว่า มี ประดู่ พระยาสัตบรรณ และสะเดา ครับ จากนั้นเราก็ได้ยินคำตอบของพี่ผู้หญิงตอบกลับมาว่า อืม บ้านเรามีแล้ว ไม่ซื้อแล้ว งง !!! เลยสิคะ นี่ถ้าเพาะต้นไม้มาปลูกจริงๆคงขายได้ดีทีเดียว เพราะแค่จอดรถยังไม่ทันไร ก็มีลูกค้ามาถามทันที ^-^ น่าจะดีทีเดียว.....           

           จากนั้นใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงบ้านของป๋า เห็นชาวบ้านทำสวน มีบ่อปลา เพื่อเลี้ยงปลาไว้กิน เป็นที่น่าสังเกตว่าชาวบ้านจะเลี้ยงวัวไว้ทุกเกือบทุกบ้าน ป๋าบอกว่า เป็นสิ่งที่ชาวบ้านมีไว้เพื่อใช้ในยามขาดแคลนทุนทรัพย์ เพราะการเลี้ยงวัว หากไม่มีเงินใช้ในยามจำเป็นก็สามารถนำไปขาย หรือ จำนำ ได้ โดยเฉพาะการขายเพื่อนำเงินส่งลูกเรียน (เด็กๆในปัจจุบันจะรู้คุณค่าของเงินแค่ไหน ว่าเงินที่ส่งตนเรียนนั้นมาจากหยาดเหงื่อแรงงานของพ่อและแม่สักเท่าใด....น้อยคนนักที่จะตระหนักถึงจุดนี้ ใช้เงินอย่างมือเติบในสังคมอันฟุ้งเฟ้อในสังคมเมืองกรุง)       

      เอาภาพวัวที่บ้านป๋าเลี้ยงไว้มาให้ชมกันคะ มีอยู่ 5 ตัว บางตัวสูงท่วมหัวเลยคะ 

        

             ส่วนเจ้าตัวข้างล่างนี้เป็นพ่อวัวพันธุ์อเมริกันบรามัน ตอนกำลังเก็บภาพ เห็นทำท่านิ่งๆมองดูด้วยความสงสัย ??? ปรากฏว่าสักพัก เดินถอยหลังไปแล้วหันหลังมา ทำท่ากระโดดถีบใส่.... ยังดีที่ระยะห่างห่างกันพอสมควรและมีเสาของคอกวัวกั้นไว้ ไม่งั้นโดนลูกถีบของเจ้าวัวอเมริกันบรามันเข้าให้เป็นแน่แท้

   

           

          ตกค่ำอาที่เป็นญาติกับป๋าทำต้มไก่บ้านซึ่งเป็นอาหารจานจานหลัก และอาหารอย่างอื่นอีกสามอย่าง มีชาวบ้านอีกกลุ่มเดินมาทักทาย แต่ไม่ยอมนั่งทานโต๊ะเดียวกัน ไปนั่งจับกลุ่มคุยกันที่โต๊ะข้างๆ อาจจะเกรงใจและให้เกียรติ เพราะพี่ที่ไปด้วยเป็นอาจารย์ ทานกันตั้งแต่หกโมงจนเกือบสามทุ่มกว่า นึกว่าเรียบร้อยจะได้กลับแล้ว ปรากฎว่าอาเดินออกมาจากครัวแล้วหิ้วหม้อข้าวกับน้ำพริกปลาร้ามาอีกบอกว่า อย่าเพิ่งรีบกลับนะคะ ทานข้าวก่อนนอนให้อิ่ม (ผู้เขียนนึกในใจว่า โอ๊ย จะแย่อยู่แล้ว อิ่มมากๆ แต่จะให้ทำอย่างไร เพื่อไม่ให้เสียมารยาทก็ต้องตักข้าวใส่จานทานกันต่อ) และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เพิ่งเคยทานดอกกระเจียวลวกจิ้มน้ำพริกปลาร้า รสชาติหวานตรงยอดแต่ฝาดๆด้านก้านดอก แปลกไปอีกแบบ           

         เป็นอันว่าภารกิจในวันนั้นก็ผ่านไปอย่างเรียบร้อย และถ้ามีโอกาสได้ไปอีกจะนำเก็บเกี่ยวเรื่องราวมาฝาก เพราะยังมีวี่แววว่ายังเหลือต้นไม้อีก 300 ต้นที่ป๋าขอไว้จากสวนลิมปตพัลลภให้ทางโรงเรียน คราวนี้มีพี่ๆน้องๆที่หอพักสุรสัมมนาคารยินดีจะไปร่วมทำบุญอีกหลายท่านทีเดียว J

หมายเลขบันทึก: 115735เขียนเมื่อ 30 กรกฎาคม 2007 22:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีครับ...น้องกมลนารี

  • สนุกมากเลยครับ  โดยเฉพาะตอนที่จอดรถลงไปหักกิ่งต้นโป๊ยเซียน
  • คราวหน้าไปอีกแน่นอน
  • ขอบคุณมากครับ

  • สวัสดีคะพี่อู๊ด คราวหน้าต้องชวนกันไปเยอะๆไปช่่วยกันทานข้าวสักหน่อย ไม่งั้นต้องรับผิดชอบจนอิ่มแปล้ แล้วก็เผลอหลับระหว่างกลับแน่ๆเลยคะ
  • ขอบคุณคะพี่บางทรายที่มาเยี่ยมสม่ำเสมอคะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท