· KM เป็นคำที่ทำให้รู้สึกว่า สะดุดใจตั้งแต่ได้ยินและอยากรู้จัก น่าสนใจที่จะศึกษาซึ่งเป็นการศึกษาที่เรียนรู้ตลอดชีวิตคงไม่หมด ซึ่งสิ่งต่างๆหมุนเวียนมาให้อยากเรียนรู้มากมาย เช่นG2K มีเรื่องราวต่างๆมากมายน่าสนใจ และมีประโยชน์น่าศึกษา มาให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้มากมาย
· เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกของผู้เขียนที่อยากเรียนรู้ด้าน KM (ด้วยทุนส่วนตัว) เพื่อเป็นแนวทางนำมาพัฒนาหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพ เพราะเห็นว่าองค์กรกำลังเริ่มจะจัดตั้งหน่วยงานด้านนี้ จึงนับว่าเป็นแรงจูงใจอย่างหนึ่งในการตัดสินใจเพื่อจะเรียนรู้ให้ลึกซึ้งด้านการจัดการความรู้ และอยากเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาองค์กร
· การเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรและพยายามในการที่จะพัฒนาองค์กรและพัฒนาตัวเอง แต่ขาดการสนับสนุนด้านแรงใจและข้อมูลข่าวสารจากองค์กรซึ่งมีความยุ่งยากซับซ้อน ก็มีส่วนทำให้ ไฟในตัวมันลดน้อยถอยลงไปในการพยายามที่จะเรียนรู้ แต่ถ้าทีมในองค์กรยังไม่เข้าใจเรื่อง Knowledge Sharing และไม่เข้าใจความหมายของการจัดการความรู้(KM)และไม่มีเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของคนส่วนใหญ่ในองค์กรแล้ว การทำKM บนหิ้งคงน่าเสียดาย
· ความตั้งใจที่มีแต่ต้น ทำให้ต้องกลับมาคิดใหม่ว่า การเรียนรู้ด้านKM(ของผู้เขียน) มันมีปัญหาตรงไหน ทำให้ผู้เขียนเข้าไปไม่ถึงคำจำกัดความว่า KM ซึ่งเป็นเครื่องมือ เพื่อการบรรลุเป้าหมายอย่างน้อย 4 อย่างไปพร้อมๆกัน ได้แก่ การบรรลุเป้าหมายของงาน บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาคน บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาองค์กรไปเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ และบรรลุความเป็นชุมชนเป็นหมู่คณะ ความเอื้ออาทรระหว่างกันในที่ทำงาน( นพ.วิจารณ์ พานิช 2548,การจัดการความรู้)
· การพัฒนางานผู้เขียนก็พยายามที่จะนำ KM ที่เรียนมาว่าจะนำมาปรับใช้ด้านไหนกับงานได้บ้าง เพื่อให้งานคล่องตัวและมีประสิทธิภาพขึ้น KM ต้องถูกนำไปปฏิบัติและเนียนไปในเนื้องานที่ทำจึงจะเป็น KM แต่ในความเข้าใจของคนส่วนหนึ่งในองค์กร มองKM เป็นเพียงตัวหนังสือเป็นเพียงวิชาการที่ทางราชการให้ทุกองค์กรต้องเรียนรู้ ทำให้ในมุมมองของคนที่ไม่ได้สัมผัสหรือเรียนรู้ KM (ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจการจัดการความรู้) มองว่าไกลและเอื้อมไม่ถึง ทั้งๆที่เขาก็ทำอยู่และไม่รู้ว่าเป็นส่วนหนึ่ง ทำไม? ทำอย่างไร ? ความรู้ความเข้าใจที่อยากจะให้ทุกคนเข้าถึงได้ ผู้เขียนพยายามจะเริ่มจากจุดเล็กๆในหน่วยงานแต่ขอบอกว่าเป็นมุมมองของตัวผู้เขียนเอง อาจจะเข้าใจถูกหรือผิดก็ได้
· แต่ผู้เขียนรู้สึกว่า KM ในใจของผู้เขียนยังไม่ทันได้คลอดและไฟจะมอดไปก่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้ การทำลายกำแพงน้ำแข็งของคนในองค์กรซึ่งมีอยู่เดิมนั้นเป็นเรื่องยาก และความเป็น Ego ก็สูง มุมมองผู้เขียนความอดทน การพยายามมองในแง่บวก การพยายามเรียนรู้ต่อไปเพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้ตนเอง ไม่ให้ไฟมอดซะก่อน
· ดังนั้นผู้เขียนหวัง...ขอกำลังใจ..ก่อนไฟจะมอด.. ขอคำแนะนำและคำชี้แนะเพื่อเป็นเชื้อเพลิงที่ให้ไฟในการทำงาน ได้ลุกสว่างขึ้นอีกครั้ง....
ไม่มีความเห็น