ในห้องเรียนแห่งหนึ่ง ครูเข้ามาแล้วมีคำถามเกิดขึ้นมาว่า วันอะไรมี ๓ เดือน ? นักเรียน..งง.งง.. ครูจึงเฉลยว่า วันเข้าพรรษา เพราะพรรษาหนึ่งมี ๓ เดือน ถามต่ออีกว่า ปีหนึ่งมีกี่เดือน ๑๒ เดือน เก่งมาก แล้วปีหนึ่งมีกี่พรรษา บางคนตอบ ๔ พรรษา แต่บางคนตอบ ๑ พรรษา มีเสียงโต้แย้งขึ้นมาว่า อ้าว ก็พรรษาหนึ่งมี ๓ เดือนแล้วปีหนึ่งมี ๑๒ เดือน ๓ คูณ ๔ ได้ ๑๒ ดังนั้นปีหนึ่งก็ต้องมี ๔ พรรษาซิครับถึงจะถูกนี้โดยหลักการ อีกคนแย้งออกทางปฏิบัติว่า ก็ปีหนึ่งเห็นพระจำพรรษาเพียงครั้งเดียวเอง ก็ต้องมี ๑ พรรษาซิครับ เหตุการณ์กำลังจะขยายวงกว้างขึ้น ครูจึงถามใหม่ว่า เอ๊า ใครรู้บ้างว่า พรรษาแปลว่าอะไร ...เงียบ... ครูจึงอธิบายต่อว่า พรรษาแปลว่า ฝน แล้วถามย้อนกลับไปว่าปีหนึ่งมีฝนกี่ฤดู นักเรียนตอบ หนึ่งฤดูครับ มีเสียงลอยมาว่า มีสองฝนครับ คือฝนสวยกับฝนไม่สวยครับ ครูยืนยิ้มด้วยอารมณ์เย็น แล้วพูดว่า ครูรู้นะว่าเธอหมายถึงคนนะ ขณะที่ครูกำลังจะพูดต่อก็มีอีกเสียงแทรกขึ้นมาว่า ฝนมีสองครับคือฝนที่ตกต้องตามฤดูกาลกับฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลครับ เออ ครูเข้าใจ แต่ปีหนึ่งก็มีเพียงฤดูฝนเดียวเท่านั้น การจำพรรษาของพระจึงมีปีละครั้ง อยู่กับที่ประจำวัดใดวัดหนึ่งตลอด ๓ เดือน หยุดสัญจรพักผ่อนกาย หันมาเพิ่มพลังทางจิต ทำความดีให้มากขึ้น ดูจิตใจตนเอง รู้จักตนเอง เข้าใจคนอืน เขาใจโลกเข้าใจชีวิต ไม่คิดเบียดเบียนใครๆ แล้วนักเรียนตั้งใจทำความดีอะไรบ้างในพรรษานี้ ทุกคนไปบันทึกความดีมาให้ครูดูทุกว้นนะ (บทสรูปครูก็สั่งงานตามเคยนะฮะ)
ค่ะ อ่านแล้วก็บอกกับตัวเองว่า"ไม่คิดเบียดเบียนใคร และไม่แย่งของใครด้วย"