ระดับมัธยมศึกษา
หลังจากนั้น เมื่อชัยค์ซะห์รอน ไม่ได้สอนประจำ เริ่มมีอาจารย์ท่านอื่นๆเข้ามาร่วมสอน ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากชัยค์ หะซัน อัลบันนา จึงขออนุญาตบิดาเพื่อไปศึกษาต่อ ณ โรงเรียนมัธยม แต่บิดาคัดค้านเพราะมีความมุ่งมาดปรารถนาให้ท่านท่องจำอัลกุรอ่านทั้งหมดก่อน ท่านจึงให้สัญญาว่าจะท่องจำด้วยตนเองต่อไป บิดาจึงยินยอม ท่านจึงไปเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยม
สัปดาห์ต่อมาเมื่อเริมเรียนมัธยม กิจวัตรของท่าน ตอนเช้าหลังละหมาดซุบห์ คือท่องจำอัลกุรอ่าน จากนั้นจึงไปโรงเรียน กลับจากโรงเรียนท่านต้องศึกษาและฝึกฝนวิชาช่างซ่อมนาฬิกาจากบิดาซึ่งประกอบ
อาชีพนั้นไปจนกระทั่งละหมาดอีชา หลังจากนั้นจึงทบทวนบทเรียนและเข้านอน
กิจกรรมช่วงมัธยมศึกษา
ครูมุฮัมมัด อับดุลคอลิก ครูคณิตศาสตร์ซึ่งมีความเคร่งครัดศาสนาและมีมรรยาทงดงาม ได้เสนอแนะให้นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 3 ตั้งชมรมจริยธรรมขึ้นมา โดยที่ท่านเป็นครูที่ปรึกษา ได้จัดให้สมาชิกทำการเลือกประธานชมรม และท่านได้ออกระเบียบขึ้นมาว่า ใครด่าผู้อื่น ให้ปรับ 1 มิลีม ใครด่าพ่อผู้อื่น ปรับ 2 มิลีม ใครด่าทอแม่ผู้อื่น ปรับ 1 เปียส ใครด่าทอศาสนา ปรับ 2 เปียส ใครทะเลาะกับเพื่อน ปรับ 2 เปียส โดยที่ถ้าผู้กระทำผิดเป็นกรรมการหรือหัวหน้าชมรม จะต้องปรับเพิ่มเป็นเท่าตัว ผู้ใดไม่จ่ายค่าปรับจะถูกคว่ำบาตรจากเพื่อนๆ เงินค่าปรับที่ได้ให้นำไปใช้เพื่อการกุศล สมาชิกชมรมทุกคนจะต้องกำชับซึ่งกันและกันให้เคร่งครัดศาสนา ดำรงละหมาด ซื่อสัตย์ต่ออัลลอฮ์ พ่อแม่ และผู้อาวุโสกว่า
หะซัน อัลบันนา ได้รับเลือกให้เป็นประธานชมรม ชมรมได้ค่าปรับมากพอประมาณ บางส่วนใช้ไปเพื่อเลี้ยงส่งเพื่อนบางคนที่ไปเรียนต่อที่อื่น และครั้งหนึ่งใช้จัดการศพชายนิรนามที่แม่น้ำไนล์พัดมาติดกำแพงโรงเรียน
หะซัน อัลบันนา เห็นว่า ชมรมลักษณะนี้สามารถหล่อหลอมลักษณะนิสัยนักเรียนได้ดี
ยิ่งกว่าบทเรียนภาคทฤษฎีเป็นอย่างมากไม่มีความเห็น