ลดค่าใช้จ่ายเพียงนิดชีวิตสดใส


อยู่อย่างพอเพียง

             จากการที่ได้ลงไปผลักดันการจัดกิจกรรมในชุมชนเขื่อนแก้ว ซึ่งในปีนี้เป็นประเด็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง ข้อสรุปของเขื่อนแก้วคือ จัดเวทีในวันที่ 23 มิถุนายน 2550 โดยใช้ชื่อเวที “ลดค่าใช้จ่ายเพียงนิดชีวิตสดใส” ซึ่งกิจกรรมที่แกนนำอยากให้เกิดการเรียนรู้ในวันนี้คือ การฝึกให้ผู้เข้าร่วมทำน้ำยาเอนกประสงค์ โดยคาดหวังว่าจะเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่จะสามารถลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน นำสู่ความพอเพียงได้ในอนาคต

             แต่หลังจากที่แกนนำได้มานั่งพูดคุยกันก็ได้เกิดการบูรณาการเอา 3 กิจกรรมร่วมกันในเวทีวันนี้ คือ กิจกรรมเศรษฐกิจพอเพียง ของโครงการครอบครัวเข้มแข็ง การอบรมเชิงปฏิบัติการดำเนินงานหมู่บ้านจัดการสุขภาพ ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และเวทีเสริมสร้างศักยภาพครอบครัวปลอดอบายมุข ของมูลนิธิสาธารณสุข เหตุผลที่ทีมแกนนำได้ให้ไว้คือ ไม่อยากให้ชาวบ้านเหนื่อยกับเวทีมากเพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ชาวบ้านต้องทุ้งกล้า ดำนากันทุกวันแทบไม่ได้หยุด และอีกประการหนึ่งก็คือทุกกิจกรรมนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกับความเข้มแข็งของครอบครัวทั้งหมด เพียงแต่ต้องเชื่อมโยงให้ผู้เข้าร่วมเห็นภาพ และเข้าใจให้มากที่สุด ซึ่งตรงนี้เองที่คณะทำงานโครงการครอบครัวเข้มแข็ง จังหวัดน่าน หลายท่านได้ให้ความเป็นห่วงต่อการจัดเวทีของเขื่อนแก้วในครั้งนี้ แต่ทางทีมแกนนำของเขื่อนแก้วนำโดยคุณพยอม วุฒิสวัสดิ์ (คณะทำงานโครงการครอบครัวเข้มแข็งจังหวัดน่าน) ที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะพยายามเชื่อมโยงให้นำสู่เศรษฐกิจพอเพียง กับเรื่องของครอบครัวให้มากที่สุด


            เริ่มต้นกระบวนการด้วยการแบ่งกลุ่มการเรียนรู้ซึ่งในครั้งนี้ได้แบ่งกลุ่มแยกเป็นกลุ่มพ่อบ้านและแม่บ้าน กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มเยาวชน กลุ่มอสม. และกลุ่มแกนนำครอบครัวเข้มแข็ง การแบ่งกลุ่มแบบนี้ เพราะอยากให้ในกลุ่มเกิดการพูดคุยถกกันให้มากที่สุด ไม่มีการครอบงำทางความคิดกัน ที่สำคัญอยากเห็นความคิดของแต่ละกลุ่มที่ชัดเจนและไปทางเดียวกันด้วย ซึ่งผลจากการระดมความคิดเห็นในเวทีออกมาเป็นภาพรวมของทุกกลุ่ม สรุปได้ดัง


ด้านสุขภาพ คนในชุมชนที่มีอายุมากเป็นโรคเบาหวาน และเจ็บหัวเข่า มีหลายครอบครัวที่พ่อแม่ชอบสูบบุหรี่ และดื่มเหล้าจนเกิดการทะเลาะวิวาท ทำให้ เกิดความเครียด เสียทั้งสุขภาพกายและจิตใจ นอกจากนั้นยังพบว่าคนในชุมชนเขื่อนแก้ว ยังมีสภาพสิ่งแวดล้อมไม่ค่อยดี เนื่องจากมีการเผาขยะในชุมชน ส่งกลิ่นเหม็นรบกวน


ด้านการพนัน ชนิดของการพนันที่เล่นกันในชุมชนเขื่อนแก้ว คือ ไพ่ และหวยซึ่งมีทั้งหวยบนดินและใต้ดิน ส่วนใหญ่คนที่เล่นจะเป็นแม่บ้านที่ว่างงาน ส่วนเวลาที่เล่นกันมาก คือ งานศพ ที่ผู้เล่นเล่านี้มักจะอ้างอย่างมีน้ำใจว่าอยู่เป็นเพื่อนเจ้าภาพของศพ หรือที่สมัยก่อนจะเรียกกันว่า “นอนเฮือนเย็น”


           ถึงแม้ว่าจะระดมความคิดเห็นและถกกันในประเด็นด้านสุขภาพ และการพนัน แต่ข้อมูลที่ออกมาล้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของเศรษฐกิจ และความอ่อนแอของครอบครัว ดังเช่นด้านสุขภาพพบว่ามีผลกระทบต่อตนเอง ร่างกายไม่แข็งแรง ลูกเสียการเรียน นอกจากนั้นค่าใช้จ่ายของครอบครัวต้องเพิ่มขึ้นจากการดูแลรักษาสุขภาพอีก ส่วนด้านการพนันมีผลกระทบเป็นอย่างมาก ทั้งสูญเสียทรัพย์สิน เกิดภาวะหนี้สินขึ้นในครอบครัว คนในครอบครัวทะเลาะเบาะแว้ง ไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับลูกๆ


           สำหรับทางออกไปสู่ความพอเพียง ความสุขและความอยู่ดีกินดี ของคนในชุมชนเขื่อนแก้ว ในด้านสุขภาพ ทุกคนต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ลดการใช้สารเคมีในทางการเกษตร หันมาใช้สมุนไพรทดแทนสารเคมี มีการกำจัดขยะที่ถูกต้อง ส่วนทางออกในด้านของการพนัน คือ ตนเองต้องมีการปรับพฤติกรรมใหม่ บางคนสัญญาว่าจะลดการเล่นลง 50% มีกิจกรรมทำภายในครัวเรือน เพื่อเป็นการหารายได้เสริมให้กับครอบครัว และยังช่วยในการกระชับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวอีกทางหนึ่งด้วย แถมท้ายด้วยการทำบัญชีครัวเรือนได้รับรู้ถึงรายรับรายจ่ายใช้สำหรับเป็นข้อมูลในการวางแผนอนาคตร่วมกันในครอบครัว


           นอกจากนั้นยังได้มีการกำหนดกฎกติกา มาตรการของชุมชนเขื่อนแก้วร่วมกันอีก เพื่อให้เกิดความครอบคลุมในการดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยกำหนดดังนี้
- ห้ามเผาขยะในชุมชน
- ให้มีการแต่งตั้งอาสาสมัครเยาวชนสอดส่องการเล่นการพนันในชุมชน
- ห้ามเล่นการพนันทุกชนิดในงานศพ หากฝ่าฝืน จะเรียกมาตักเตือน พร้อมปรับครั้งละ 1,000 บาท

และยังมีข้อเสนอให้กับอบต. และหน่วยงานอื่นที่อยู่ในพื้นที่ในเรื่องของการประสานงานกับตำรวจในการบังคับใช้กฎหมาย ให้กำหนดเป็นมาตรการขององค์การบริหารส่วนตำบลถืมตองและถือปฏิบัติร่วมกัน
และเพื่อให้เห็นการปฏิบัติตนอย่างเป็นรูปธรรมนำสู่เศรษฐกิจพอเพียง

           เวทีในวันนี้จึงได้มีการให้ผู้เข้าร่วมทดลองฝึกทำน้ำยาเอนกประสงค์ เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ซึ่งขณะนี้มีครอบครัวในชุมชนเขื่อนแก้ว จำนวน 50 หลังคาเรือน มีการทำน้ำยาเพื่อใช้เอง จากการพูดคุยกับแม่บ้านท่านหนึ่งในเวที บอกว่า ตนก็ทำไว้ใช้เอง หมดค่าใช้จ่ายในการทำน้ำยาครั้งหนึ่งเพียง 120 บาท แต่สามารถใช้ได้หลายเดือน เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ซื้อใช้ ปรากฏว่าลดค่าใช้จ่ายได้เกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว เพราะน้ำยาที่ว่านี้ใช้ได้เอนกประสงค์สมชื่อ ไม่ว่าจะใช้ล้างถ้วย ซักผ้า ล้างห้องน้ำ และที่สำคัญน้ำยายังสะอาด ปลอดสารเคมีอีกด้วย


           ปิดท้ายการเรียนรู้ในเวทีวันนี้ด้วยการทำ AAR เหมือนเช่นเคย ซึ่งจากการทำ AAR กับกลุ่มแกนนำ ทำให้ได้รู้ว่า สิ่งที่ได้ตามคาด คือ กลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้มาเกิน 90 % เนื่องจากตั้งไว้ 62 คน เข้าร่วมจำนวน 59 คน และเป็นกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย เนื้อหาที่ได้ก็ครบตามที่วางไว้ กระบวนการก็เป็นแบบมีส่วนร่วม สิ่งที่เกินคาด มีทีมวิทยากรระดับตำบลที่ทำงานด้านสุขภาพ เข้ามาช่วย มีพระครูวิทิตนันทศิลป์ เจ้าคณะตำบลถืมตอง และเป็นเจ้าอาวาสวัดเขื่อนแก้ว ได้ช่วยเสริม และเพิ่มขวัญกำลังใจแก่ผู้เข้าร่วม โดยให้ศิลห้าในการดำรงชีวิตภายใต้เศรษฐกิจพอเพียง สำหรับสิ่งที่ไม่ได้ตามคาด ก็คงจะเป็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยเอื้อต่อการเรียนรู้เพราะร้อนมาก และอีกประเด็นหนึ่งที่ไม่ได้ตามคาด คือตัวของแกนนำเองยังไม่กล้าที่จะเป็นวิทยากรหลักในเวที นอกจากจากนั้นทีมแกนนำได้คุยกันถึงประเด็นการติดตามครอบครัวที่เกิดการเปลี่ยนแปลงหลังจากผ่านเวทีเรียนรู้ครอบครัวเข้มแข็งแล้ว โดยมีจำนวน 8 ครอบครัว ซึ่งจะติดตามใน 3 ประเด็น คือ
1. ประเด็นการลดบุหรี่ ติดตามนายปรีชา ช่อฟ้า
2. ประเด็นการคัดพันธุ์ข้าว ติดตามครอบครัวสุดสงวน ทะปน ครอบครัวไกรวัล ไชยวงค์ ครอบครัวปรีชา ช่อฟ้า ครอบครัวจินตนา วุฒิสวัสดิ์ และครอบครัวพลอย กันแก้ว
3. ประเด็นของการปลูกผักสวนครัว ติดตามครอบครัวอุ้ยดี มูลชมพู และครอบครัวประดิษฐ์ หารกา



           ถึงแม้การจัดเวทีเรียนรู้ครอบครัวเข้มแข็งในครั้งนี้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของการเรียนรู้เรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง แต่ก็เป็นการจุดประกายความคิด ทำให้คนในชุมชนเขื่อนแก้วจำนวนหนึ่ง ได้เริ่มต้นการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงท่ามกลางกระแสสังคมบริโภคนิยมที่กำลังถาโถมเข้ามาในชุมชน หากแต่ความรักในครอบครัว ต้องการให้ครอบครัวของตนเอง และคนในชุมชนมีความเข้มแข็งขึ้น จึงเป็นแรงกระตุ้น ผลักดันให้ยอมที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง เพื่อเป็นการนำสู่ครอบครัวที่เข้มแข็งตลอดไป



บันทึกจากภาคสนาม
บัวตอง จิณะหล้า
25 มิถุนายน 2550

หมายเลขบันทึก: 113693เขียนเมื่อ 23 กรกฎาคม 2007 10:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 12:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท