แพทย์ จะสวมกาวน์ ทับชุดที่ดูเรียบร้อย แพทย์ ฝึกหัด และนักศึกษาแพทย์ จะใส่ชุดเขียวหรือน้ำเงินเข้ม เสื้อคอวี กางเกงขายาวเอวรูด และใส่กาวน์ทับ
พยาบาลอาจใส่เสื้อคอวี กางเกงเอวรูดเช่นกัน แต่สีขาวหรือสีสันลายสวยงามอาจเป็นลายการ์ตูน น่ารัก น่ารัก หรือจะแต่งเสื้อยืด กางเกงสุภาพก็ได้
แต่ทุกคนจะเหมือนกัน อยู่อย่างหนึ่งคือ จะต้องมีบัตรป้ายชื่อ ห้อยคอ ติดเสื้อ หรือ ติดเอว
บัตรป้ายชื่อนี้สำคัญต่อการทำงานมากๆ เพราะใช้เป็นกุญแจสอดเปิดในช่องเสียบบัตรของทุกประดูที่ห้องตรวจ และที่สำนักงานตรงข้ามห้องตรวจ และกดผ่านลิฟท์ ไปยังชั้นบนอีก 3 ชั้นที่เป็นสำนักงานการวิจัย และห้องปฏิบัติการ(เหมือนระบบบัตรกุญแจ เปิดประตูห้องที่เราเห็นในโรงแรมใหญ่ๆนั่นแหละค่ะ)
ถ้าไม่มีบัตร จะมีสิทธ์เท่าผู้ป่วยและญาติ เข้าได้เฉพาะบริเวณรอตรวจ ชั้น 1 และ2 ถ้าไม่มีบัตรจะเข้าออกสำนักงานหรือพบแพทย์ พยาบาลแต่ละครั้งต้องขอคนในห้องเปิดประตูให้
บัตรนี้แบ่งแยกคุณว่าคุณเปิด ประตูนี้ได้ หรือขึ้นลิฟท์ ได้สูงสุดถึงชั้นที่คุณทำงาน
ป้ายกระดาษที่หน้าประตู เขียนว่า
Please
for security purpose this door must remain locked at all times
used your access card for entry
อีกอย่างที่สำคัญมากคือ password ที่ใช้กับระบบ Com ซึ่งกำหนด สิทธิ์ การเข้าถึงข้อมูลในโรงพยาบาล
ผลแลปบางอย่างพยาบาล ตามให้ บางอย่างหมอเท่านั้นที่มีสิทธิและต้องเปิดดูเอง ซึ่งทั้งหมดนี้ ดิฉันในสถานะคนดูงานไม่มีสิทธ์ดูเลย ได้ใช้คอมเพียงส่งรับ Email และเข้า อินเตอร์เนต เท่านั้น
และต้องขอยืม password เพื่อนๆใช้ ทุกวัน ใครผ่านมาใกล้ๆ โต๊ะ เป็นต้องโดนขอ กด password ให้หน่อย
ใน ช่วงแรกที่ดิฉันไม่มีบัตรประจำตัว ก็ต้องใช้หัวคิดให้เยอะ พยายามรบกวนเพื่อนๆซึ่งยุ่งกับ งานผู้ป่วยอยู่แล้วให้น้อยที่สุดในเรื่องที่จะต้องมากด password ให้ และเปิดประตูให้ ต้องไม่ลืม เอาของที่ต้องใช้ติดตัวมาให้ครบ สมุด ปากกา กะเป๋า หนังสือ น้ำ และขนมด้วย
ไม่งั้นนอกจากต้องใช้ขาเยอะ เดินกลับไปมาผ่านระหว่างสองประตูที่ต้อง ขอรบกวนเพื่อนๆเปิด ขอประตูให้หน่อย
ผลจากการไม่มีบัตร ทำให้จำชื่อคนในสำนักงานที่มีประมาณ 50 คนได้เกือบหมด เพราะต้องขอทุกคนให้ช่วย (โดยเฉพาะสาวน้อยเลขา ชื่อ มีมี่ ที่ประจำหน้าสำนักงาน)
Can you open the door for me?
May I borrow your password?
โดยวิธีนี้ ทำให้ได้เพื่อนอีกเพียบ เช้ามาก็ทักทาย Hi Good morning กัน ทุกคนก็จะจำทักและเรียกชื่อ Doctor Wee กันได้ คล่อง
บัตรประจำตัวนี้ กว่าหมอรวิวรรณจะได้ ต้องหลายขั้นตอน ค่ะ
ต้องทำบัตรประกันสังคมก่อน รอ 3 อาทิตย์ กว่าจะโทรทวงให้ส่งทางไปรษณีย์มาได้ เอาบัตรประกันสังคมใหม่ไปยื่นทำบัตรประจำตัว ต้องยืนยัน ผ่านระบบ HRD (human resorce development) ของมหาวิทยาลัยว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของเขา ใช้เวลาอีกสองอาทิตย์
เมื่อชื่อเราอยู่ในระบบ เราก็ ไปติดต่อและทำที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยด้านหลัง รพ 2 ครั้ง ครั้งแรกชื่อไม่มีในระบบ ต้องทวนว่าทำผิดกระบวนการอย่างไรและทำใหม่อีกครั้ง
ในที่สุด ดิฉัน ก็มี password ใช้คอมพิวเตอร์ที่โต๊ะในระบบของมหาวิทยาลัยได้ และมีบัตรประจำตัวห้อยคอ
แต่ก็ไม่เข้าใจว่ายังขัดข้องใช้บัตรเสียบเปิดประตู ไม่ได้ ต้องขอคนอื่นๆ เปิดประตูให้จนถึงวันกลับเลยค่ะ(ขอบ่นหน่อย)
เวลาไปตามราวน์ผู้ป่วยกับอาจารย์ในช่วงแรก เช่นกัน พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่เห็นบัตรประจำตัว จะไม่ให้ขึ้นบนตึก
ถึงแม้นพนักงานจะรู้จักอาจารย์เกวนทักทายกันอย่างดี แต่อาจารย์ก็ต้องรอให้ดิฉันไปเข้าแถว ทำสติกเกอร์
เราต้องแจ้งว่าจะไปส่วนไหน ชั้นไหนของตึก Scan รูป ใน passport หรือถ่ายรูป และรอทีม security ทำสติกเกอร์ให้เราแปะอกแบบนี้
สติกเกอร์นี้ใช้ได้ 1 วัน (เก็บสติกเกอร์มาเมืองไทยเป็นที่ระลึกได้เลย ส่วนบัตรประจำตัวก็ต้องคืนเขาก่อนกลับ)
ไม่มีระบบเส้นสายนะคะ อาจารย์ ผู้ใหญ่พามา ก็ ต้องไปรอคิวทำบัตรสติกเกอร์ visitor เยี่ยม เหมือนญาติทีมาเยี่ยมผู้ป่วยเช่นกัน
มีสติกเกอร์ จึงจะสามารถเข้าไปที่ตึกเยี่ยมผู้ป่วยได้
อาจารย์ เกวน บอกว่า ระบบเมื่อก่อนก็ ไม่เข้มงวดขนาดนี้ มาเต็มที่ตอน nine one one ที่ อิรัก โจมตีอเมริกานี่เอง เออ เลยเข้าใจ
คุณอลัน ผู้ดูแลดิฉันพูดเชิงเห็นใจดิฉันเมื่อทำบัตรประจำตัวไม่สำเร็จสักทีว่า ทุกคนในอเมริกา เป็นโรค Paranoid กันหมดแล้ว
เจอปัญหาที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ก็พยายามมองอีกมุมหนึ่ง ไม่ให้ทุกข์ และเห็นเป็นอุปสรรคว่า
โชคดีนะคะ ที่เป็นคนไทย ไม่ต้องอยู่ที่อเมริกานานๆ ในระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ซับซ้อน และหวาดระแวงแบบนี้