คุณพ่ออาคม ...ผู้อยู่ในใจตลอดกาล ความยิ่งใหญ่ที่สะท้อนผ่านทางลูกชาย "อดุลย์ กล้าขยัน"


หัวใจเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่อุปสรรคและข้ออ้าง
พระคุณของผู้เป็นพ่อนั้น มากล้นเกินบรรยาย ทุกคนสามารถที่จะเป็นพ่อคนได้ เพียงแค่ให้กำเนิดบุตร-ธิดา
แต่การที่จะเป็นพ่อที่ดีนั้น ใช่ว่าจะเป็นกันได้ทุกๆคน

ความเป็นพ่อนั้น คนในครอบครัว ญาติพี่น้อง ย่อมมองเห็น สัมผัสได้ แต่ถ้าหากเป็นบุคคลอื่น คนนอกครอบครัว ไม่ได้เป็นญาติพี่น้อง ไม่มีโอกาสได้รู้จัก สัมผัสกับคนที่เป็นพ่อมากมายนัก แต่กลับสัมผัสถึงความเป็นพ่อที่ดีนั้นได้..........

.............ย่อมถือว่า ผู้ที่เป็นพ่อนั้น ไม่ธรรมดาจริงๆ

สำหรับคุณพ่ออาคม กล้าขยันนั้น นายบอนไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่รู้จักกับลูกชายของท่าน คือ คุณอดุลย์ กล้าขยัน ได้รู้จักในฐานะที่มีโอกาสได้เรียนปริญญาโทรุ่นเดียวกัน ช่วยเหลือแก้ไข ฟันฝ่าอุปสรรคมาด้วยกัน และได้รู้จัก สัมผัสกับคนในครอบครัวของพี่อดุลย์ ณ บ้านพักในสถานีอนามัยคำสร้างเที่ยง ที่ อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์

เคยได้ยินพี่อดุลย์กล่าวถึงพ่อของเขาในหลายๆครั้ง บอกว่าจะพาครอบครัวไปเยี่ยมคุณพ่อซึ่งอยู่ที่ อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์บ้าง พาคุณพ่อไปโรงพยาบาลไปหาหมอบ้าง พาหลานๆไปรดน้ำขอพรบ้าง

เท่าที่นายบอนมีโอกาสได้สัมผัสกับพี่อดุลย์และพี่แมว ภรรยาคู่ชีวิตและลูกสาวทั้ง 3 คน เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก การดูแล อบรมสั่งสอน ช่วยเหลือกันภายในครอบครัว เห็นแล้วต้องอิจฉาและชื่นชมที่สามารถสร้างความสุขในครอบครัวด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ภายในบ้านพักในชนบทห่างไกล ที่ขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างที่พี่อดุลย์มักจะต้องขับรถกระบะคู่ใจเข้าไปซื้อหาในตัวเมืองอยู่บ่อยๆ


ในช่วงเวลาที่ไปคอยดูแลให้คำแนะนำช่วยเหลือเรื่องการเรียนที่บ้านพัก ในระหว่างที่พี่อดุลย์กำลังนั่งทำงานหน้า Notebook ไปสักพัก ก็จะมีชาวบ้านมาติดต่อที่สถานีอนามัย เขาจะต้องลุกไปทำหน้าที่คุณหมอดูแลรักษาชาวบ้าน ช่วงที่นายบอนนั่งรถพี่อดุลย์กลับมา ช่วงหนึ่ง เปิดดูภาพถ่ายใน Notebook ดูเพลินๆ จะพบภาพถ่ายมากมายของครอบครัวกล้าขยัน รวมทั้งภาพถ่ายที่พี่อดุลย์และครอบครัว ไปเยี่ยมคุณพ่อกับคุณแม่ที่กมลาไสยด้วย


การเป็นผู้นำครอบครัว ให้ความรัก ความอบอุ่นในครอบครัวได้อย่างสม่ำเสมอ แน่นอนว่า บุคคลนั้น ย่อมจะได้แบบอย่างในการดูแลให้ความรักจากผู้เป็นพ่อและแม่นั่นเอง

+ + + + +

ค่ำคืนวันศุกร์ที่ 13 กรกฏาคม 2550 พี่อดุลย์โทรศัพท์มาหานายบอน โทรมาทักทาย สอบถามถึงเพื่อนที่เรียนด้วยกันว่า โทรติดต่อมาบ้างไหม แล้วก็พูดขึ้นมาว่า

"คุณพ่อของพี่เสียแล้วนะ เผาพรุ่งนี้.... แค่นี้นะ"

นายบอนปรับอารมณ์แทบไม่ทันจริงๆ หลังจากอ้ำอึ้งไปพักใหญ่ กว่าจะรู้ตัว พี่อดุลย์ก็วางสายไปตั้งหลายนาทีแล้ว

นายบอนมีโอกาสได้พบกับคุณพ่ออาคมของพี่อดุลย์ครั้งแรก และครั้งเดียวในชีวิต คือ ในวันรับปริญญาของพี่อดุลย์ที่ มมส. เมื่อ ธันวาคม 2549 ที่ผ่านมา ซึ่งในวันนั้น ได้ร่วมขบวนไปนอนค้างคืนก่อนพิธีรับปริญญาบัตร ซึ่งพี่อดุลย์พากันมาทั้งครอบครัว พากันนั่งเบียดกันเต็มรถประบะคู่ใจทั้งญาติผู้ใหญ่ ลูกหลานกว่า 10 ชีวิต ได้พบเห็นท่านตั้งแต่เย็นวันนั้น จนถึงช่วงเสร็จพิธีรับปริญญาและมีโอกาสได้ไปร่วมนั่งโต๊ะสังสรรค์ฉลองวันแห่งความสำเร็จของพี่อดุลย์พร้อมกับครอบครัวกล้าขยันหลายสิบชีวิต

วันนั้น ยังอิจฉาพอสมควร เพราะคุณพ่อคุณแม่ของนายบอนไม่ว่าง ตัวเองเลยต้องมาร่วมฉลองกับครอบครัวของพี่อดุลย์แทน

คุณพ่อ อาคม กล้าขยันนั้นท่านเกิดเมื่อ 22 ก.พ. 2574 มีพี่น้องทั้งหมด 9 คน โดยท่านเป็นคนแรก และคุณพ่ออาคม ได้ใช้ชีวิตคู่กับคุณแม่ไกรวรรณ มีบุตรธิดารวม 7 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 2 คน โดยลูกทุกคนรับราชการทุกคน เป็นครู 6 ท่าน มีเพียงพี่อดุลย์เท่านั้น ที่เป็นนักวิชาการสาธารณสุข 7 ซึ่งลูกทั้ง 7 คน แต่งงานไปแล้ว 6 คน คนสุดท้องยังโสด

ในจำนวนบุตรธิดาทั้ง 7 คนของคุณพ่ออาคม ในเวลานี้มี 4 คนที่มีหลานให้คุณพ่ออาคมได้ชื่นชม ครอบครัวละ 3 คน (พี่ชายคนแรกมีบุตร 2 คน) พี่อดุลย์เป็นลูกชายคนที่ 4 ของคุณพ่ออาคม

เฉพาะเชื้อสายของคุณพ่ออาคมและคุณแม่ไกรวรรณ ทั้งลูก+ หลาน + ลูกเขย + ลูกสะใภ้ = 7 + 11+ 2 + 4 = 24 คน
เวลาที่รวมญาติ พบปะกันครั้งหนึ่ง ย่อมคึกคักเป็นอย่างยิ่ง

คุณพ่ออาคม รับราชการครูที่โรงเรียนโนนไฮอำนวยวิทยาตั้งแต่ พ.ศ.2499 จนเกษียณอายุราชการเมื่อ พ.ศ.2535 แล้วใช้ชีวิตที่บ้านพักเลขที่ 52 หมู่ 6 บ.โนนไฮ ต.โพนงาม อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ จนกระทั่งจากไปอย่างสงบ เมื่อ 12 ก.ค.2550 เวลา 12.17 น. ด้วยมะเร็งที่ตับระยะสุดท้าย รวมสิริอายุได้ 76 ปี 4เดือน 20 วัน

...... เมื่อนายบอนทราบข่าว หลังจากที่พี่อดุลย์โทรมาแจ้งเมื่อวันศุกร์ที่ 13 ก.ค. นายบอนพยายามโทรศัพท์ติดต่อเพื่อนร่วมรุ่นที่อยู่ใกล้ๆ แต่ติดต่อได้เพียง 2 ท่าน ซึ่งไม่ว่างเสียอีก นายบอนจึงเดินทางไปร่วมงานคนเดียว ไปแบบเงียบๆ เพราะปกติ เวลาไปไหนมาไหน พี่อดุลย์มักจะแวะมารับนายบอนไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอตามประสาคนคุ้นเคย แต่สำหรับงานนี้ พี่อดุลย์ย่อมมีภาระหลายอย่างในฐานะเจ้าภาพงาน เลยเดินทาง ขึ้นรถสองแถวจากกาฬสินธุ์ จ้างให้ออกนอกเส้นทางแวะไปส่งที่วัดป่ารัตนธรรมคุณ บ้านโนนไฮในบ่ายวันเสาร์ที่ 14 ก.ค.50 ซึ่งมีทั้งงานบวชและงานศพจัดใกล้ๆกัน

เมื่อไปถึง พบกับเมรุที่ตั้งกลางป่า ทราบทีหลังว่า เป็นเมรุที่พึ่งสร้างเสร็จ และงานศพนี้เป็นงานแรก บรรยากาศที่มีเสียงเพลงธรณีกันแสงดูวังเวงไม่เบา ถ้าเป็นตอนกลางคืน หลายคนคงไม่กล้าขับรถผ่านแถวนี้แน่ๆ

สถานที่ที่ถูกจัดอย่างเรียบง่าย มีเต้นท์พิธีตั้งเป็นแถว เครื่องเสียงถูกขนใส่รถ 6 ล้อ เก้าอี้สำหรับผู้มาร่วมงาน ถูกจัดวางไว้ตามร่มไม้รอบบริเวณ แต่เมื่อถึงช่วงพิธีการ ผู้มาร่วมงานมากมายเต็มบริเวณ เพราะคุณพ่ออาคมเป็นคุณครูสอนที่นี่กว่า 35 ปี มีลูกศิษย์ที่เคารพนับถือท่านมากมาย

ในสมุดอนุสรณ์งานฌาปนกิจศพของคุณพ่ออาคม กล้าขยัน ซึ่งรวบรวมประวัติ คำไว้อาลัย และภาพถ่ายต่างๆ นับตั้งแต่ภาพสีหน้าปกใน ภาพสีหน้ากลาง และภาพสีที่ปกหลัง จะมีภาพคุณพ่ออาคม และพี่อดุลย์ในวันรับปริญญาที่ มมส. ทั้งภาพคู่และภาพที่ถ่ายร่วมกับญาติพี่น้องหลายคน

นายบอนเปิดดูแล้ว ต้องอมยิ้มหลายครั้ง ที่อย่างน้อยได้เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้น ผลักดัน ให้พี่อดุลย์ได้เรียนจบ รับปริญญาจนมีวันที่พ่อแม่ ญาติพี่น้องมาร่วมแสดงความยินดีกับพร้อมหน้า ในวันแห่งความสำเร็จในครั้งนั้น.....

แม้ใบปริญญาบัตรอาจจะไม่มีคุณค่ามากมายนักสำหรับหลายคน แต่สำหรับภาพแห่งรอยยิ้ม และความยินดีของพ่อแม่ญาติพี่น้องที่ถูกบันทึกไว้นั้น เป็นสิ่งที่สูงค่ายิ่งนัก และน่ายินดีอย่างยิ่งที่พี่อดุลย์เพียรพยายามจนทำให้เกิดวันแห่งรอยยิ้มของทุกคนในครอบครัวกล้าขยัน!!!!!

ในช่วงของพิธีการ นายบอนมองเห็นพี่อดุลย์วุ่นอยู่กับการดูแลความเรียบร้อยและมีส่วนร่วมในขั้นตอนของพิธีการต่างๆ นายบอนจึงไม่ได้เข้าไปทักทาย แต่ได้ทักทายน้องชายและลูกสาวทั้งสามของพี่อดุลย์แทน หลังจากเสร็จพิธีแล้ว พี่อดุลย์จึงโทรศัพท์มาถามไถ่ถึง 3 ครั้ง ทั้งขอบคุณ ขออภัยที่ไม่ได้เดินมาคุยด้วย, แล้วเดินทางมาและกลับยังไง และขอบคุณอีกครั้งที่มาร่วมงาน ....

ต้องยอมรับ ชื่นชมและประทับใจอย่างหนึ่ง นับตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกับพี่อดุลย์เป็นต้นมา คือ การให้ความสำคัญและดูแลเอาใจใส่ทุกรายละเอียด ที่น่าทึ่งที่สุด พี่อดุลย์เป็นบุคคลที่มีความอึด และอดทนสูงมากๆ หลายครั้งที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน แต่ยังคงสวมหัวใจสิงห์กัดฟันทำงานต่อดึกๆดื่นๆ หรือการขับรถเป็นระยะทางไกลๆข้ามจังหวัด ฝ่าพายุฝนบนถนนมิตรภาพที่รุนแรงมาได้

ขนาดนายบอนที่ว่า อึดแล้ว ดูเหมือนจะเทียบไม่ติดกับความอึดของพี่อดุลย์เสียเลย ความอึด ความอดทนแบบนี้ คุณพ่ออาคมย่อมจะปลูกฝังและเพียรพยายามอบรมสั่งสอนบุตรธิดาทั้ง 7 คนของท่านมาตลอด จนทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิตทุกคน

ประเด็นน่าคิด
1. ปัจจุบัน หลายครอบครัวเลี้ยงลูกแค่ 1-2 คน ยังเลี้ยงให้ดีไม่ได้ แล้วคุณพ่ออาคมที่ต้องเลี้ยงดูลูกถึง 7 คนให้ได้ดีทุกคน จะต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหน
2. หลายคนมักจะมีข้ออ้างว่า ไม่มีเวลา งานยุ่ง เหน็ดเหนื่อย ในการดูแลคนในครอบครัว แต่คุณพ่ออาคม และพี่อดุลย์ต่างทำงานหนักตลอด แต่ยังสามารถดูแลคนในครอบครัวได้
3.หัวใจเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่อุปสรรคและข้ออ้าง


ภาพบรรยากาศ

งานฌาปนกิจศพ คุณพ่ออาคม กล้าขยัน
ณ เมรุวัดป่ารัตนธรรมคุณ บ้านโนนไฮ ตำบลโพนงาม
อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
เมื่อ วันเสาร์ที่ 14 กรกฏาคม 2550

1.

 

 

เมรุที่พึ่งจะสร้างเสร็จใหม่ๆ ถูกนำมาใช้เป็นงานแรกในงานศพของคุณพ่ออาคม กล้าขยัน


 





คุณครูอารีวรรณ ใจเกษม ลูกคนที่ 5 ของุคณพ่ออาคม (น้องสาวของพี่อดุลย์)

 
  








หมายเลขบันทึก: 112363เขียนเมื่อ 17 กรกฎาคม 2007 23:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 08:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
น.ส.มยุรา ธุระพันธ์(สาว)ลูกแม่ยุ่น

ยังรักและคิดถึง  ครูอาคม ตลอดไป  แสดงความเสียใจกับการจากไปของครูอาคม   ท่านเปรียบเสมือนพ่อคนหนึ่ง  และขอให้ผลกุศลความดีที่ท่านได้สร้างสมมา  ขอให้ท่านไปสู่สุคติ  อยู่ในภพที่ดี 

     ท่าจจะอยู่ในความทรงจำของหนูตลอดไป

                              ด้วยรักและอาลัย

                                      สาวและแม่ยุ่น

ครอบครัวกล้าขยันขอขอบคุณคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท