จากการที่น้องอ้อ (วรรณา ณ สคส.) เป็นแม่งานในการจัดทำหนังสือ Proceeding มหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓ ซึ่งงานนี้เหล่า สมาชิก สคส. มีความเห็นว่าเราทำกันเองดีกว่าไม่ต้องจ้างใครทำหรอกเพราะถ้าจ้างต้องมีค่าใช้จ่ายสูงและอาจจะไม่คุ้มกับผลลัพธ์ที่ได้..... หลายท่านคงทราบดีว่างานมหกรรมดังกล่าวมีห้องย่อยมากมายเหลือเกิน... ดังนั้นน้องอ้อจึงแบ่งสรรปันส่วนเอกสารการบันทึกของห้องย่อยต่างๆ ให้สมาชิก สคส. ทั้งหลาย (มีเยอะทีเดียวก็ ๘ ชีวิต ไม่รวม ผอ. สคส.ทั้ง ๒ ท่าน) ช่วยกันพิจารณาตรวจแก้และถ้าเป็นไปได้ก็ให้ออกแบบมาด้วย
ดิฉันมีหรือจะพลาดต้องได้รับอานิสงค์จากน้องอ้อมาอยู่แล้ว... และโชคดีที่ได้ช่วงปาฐกถา KM กับบริบทแห่งความเป็นไท ของ ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุญเกียรติ มาด้วย เพราะในช่วงงานมหกรรมดิฉันไม่ได้อยู่ฟังในช่วงนั้นด้วย งานนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่ได้อ่านอย่างละเอียด (หลายท่านที่ได้ฟังในช่วงนั้นแล้วคงไม่ว่ากันนะค่ะ.. ถ้าดิฉันเพิ่งจะนำมาอ้างอิง)..... ระหว่างที่ดิฉันอ่าน พิจารณา และปรับคำพูด มีช่วงหนึ่งที่อ่านแล้วก็ทำให้สะดุดคือ ท่านกล่าวไว้ว่า บริบทของความเป็นไท มี ๕ บริบท คือ วิถีไท, คนไท, สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติไท, สิ่งแวดล้อมที่สร้างขึ้นแบบไท และองค์ความรู้เพื่อความเป็นไท ช่วงที่หยุดคิดมากกว่าบริบทอื่นเพราะเห็นว่าตรงกับงานอดิเรกของดิฉันเองคือบริบทของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติไท ที่มีใจความว่า "บริบทของคนในชนบทเป็นเรื่องของต้นไม้ใบหญ้า แต่เดิมคนไทยนี้คุยกับต้นไม้ใบหญ้า พูดกับต้นไม้ใบหญ้าแบบเบาๆ กระซิบกระซาบ ลักษณะการพูดแบบไทยๆ จึงมีลักษณะเช่นนี้และสิ่งนี้ทำให้คนไทยไม่ใช่คนรุนแรง เพราะเมื่อเทียบกับคนที่เลี้ยงสัตว์ด้วยลักษณะที่ต้องใช้อำนาจ การสั่งการบังคับประเทศใดที่มีอาชีพเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพหลักจึงเป็นประเทศที่ใช้ความรุนแรงเสียส่วนใหญ่"
จากคำพูดดังกล่าว ดิฉันจึงโยงเข้ากับตนเองเรื่องการชอบปลูกต้นไม้ ดิฉันชอบคุยกับต้นไม้จริงๆ ด้วย... มีทั้งแบบพึมพำๆ และแบบกระซิบๆ เพราะกลัวคนอื่นจะว่าดิฉันผิดปกติ ดิฉันสามารถนั่งมองต้นไม้ ใบใม้ ได้ทั้งวัน เพราะรู้สึกว่าผ่อนคลาย มีความสุข และสนุก.. ดูว่ามีแมลง มีเพลี้ยเกาะที่ใบ ที่ต้นหรือเปล่า ทำไมวันนี้ใบเหี้ยวเฉาโดนแดดมากเกินหรือเปล่า ทำไมช่วงนี้ไม่ออกดอกต้องเพิ่มปุ๋ยแล้ว ต้นใหญ่แล้วได้เวลาเปลี่ยนกระถางใบใหม่ให้แล้ว ฯลฯ ..... ที่กล่าวมานี้ดิฉันคิดว่าคนที่ชอบปลูกต้นไม้น่าจะเป็นแบบเดียวกับดิฉันเช่นกันเหมือนอย่างที่ อาจารย์ไกรฤทธิ์ ได้กล่าวไว้ว่าคนที่ปลูกต้นไม้มีลักษณะที่ว่าไว้จึงทำให้เป็นคนที่ไม่ชอบความรุนแรง... แต่อาจารย์บอกไว้ว่าเป็นส่วนใหญ่.. ดังนั้นคงจะเหมาหมดไม่ได้ว่าคนที่ปลูกต้นไม้จะต้องเป็นคนที่ไม่ชอบความรุนแรงหรือคนที่มีอาชีพเลี้ยงสัตว์จะเป็นคนที่ชอบใช้ความรุนแรงเสมอไป.... คนที่เลี้ยงสัตว์บางคนดิฉันก็เคยเห็นว่าเขาก็พูดคุยกับสัตว์ กระซิบกระซาบกับสัตว์เหมือนกัน...
ดิฉันคิดว่าไม่ว่าเรื่องอะไรถ้าเรามีใจรัก มีความสุข และเห็นคุณค่ากับสิ่งที่เราทำแล้ว ลักษณะหรือพฤติกรรมที่เราแสดงออกมาก็ไม่น่าจะมีความรุนแรง.. แต่จะมีความอ่อนโยนเสียมากกว่า
uraiMan.
ไม่มีความเห็น