บันทึกนี้ยาวหน่อยนะคะ แต่ถ้าอ่านแล้วอยากให้คิดดีๆ ประสบการณ์จากในห้างอีกแล้วค่ะ
ช่วงนี้มีเรื่องวุ่นๆ เกี่ยวกับเครือญาติหลายอย่าง สมองเลยเป็นเบต้าซะส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องสุนัขที่เลี้ยงมาสิบปีเริ่มป่วย ซ้ำร้ายเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ลูกพี่ลูกน้องโทรมาแจ้งว่าป้าซึ่งเป็นพี่สาวของพ่อถึงแก่กรรมแล้ว สิ่งที่กังวลคือวัดที่จัดงานนั้นอยู่ไกลจากที่ทำงานและที่บ้านมาก และเราก็ไม่รู้จักวัดนี้ วันธรรมดาหมดสิทธิ์ไปแน่ เพราะต้องหนีบคนที่บ้านให้ไปด้วยกัน
จึงตกลงกันว่าคงไปได้เพียงวันเสาร์และอาทิตย์ ในวันเสาร์ไม่ได้แต่งชุดขาวดำกะว่าจะนำชุดไปเปลี่ยนตอนเย็น แต่ว่าตอนเช้ารีบร้อนมากเลยลืมหยิบกางเกงสีดำไปด้วย ครั้นจะใส่กางเกงยีนส์ตัวที่ใส่ไปตอนเช้า สามีก็บอกว่าไม่ได้ ต้องเป็นสีดำ และเขาก็แนะนำให้ไปซื้อใหม่และให้พนักงานขายช่วยรีดให้ด้วย
หลังจากสอนหนังสือเสร็จจึงแวะไปที่ห้างแถวชิดลม ไปซื้อกางเกงสีดำลดราคา ตอนแรกกะว่า ซื้อที่เรียบๆ จะได้ไม่ต้องไปรบกวนพนักงานมารีด เขาอาจจะไม่ทำให้ หรือไม่ว่างทำให้ก็ได้ แต่เมื่อเราอยากได้ของดี ราคาถูก ต้องไปเลือกจากในกระบะออกมาก็ยับมากเกินกว่าจะใส่โดยไม่รีดได้
แล้วก็ไม่รู้เป็นไง ตอนเราไปเลือกซื้อ ที่เคาน์เตอร์นี้ไม่ค่อยมีคน สักพักมีคนมามุงกันเต็มเลย ทำให้ไม่ค่อยอยากกวนพนักงานขายเท่าไร แต่ความที่เห็นน้องเขามีอัธยาศัย พูดจาดี ท่าทางยินดีบริการ ก็เลยถามว่า “น้องคะ พี่จะขอรบกวนหน่อยได้ไหมคะ พี่อยากใส่กางเกงตัวนี้ ไปงานศพเย็นนี้เลย น้องช่วยเอาที่พ่นไอน้ำ มาพ่น พ่น ให้หน่อยได้ไหมคะ”
น้องเขาอึ้งกิมกี่ ไปสักชั่วหนึ่งอึดใจ แล้วก็ตอบกลับมาว่า... “ได้ค่ะ” จากนั้นก็เดินไปบอกเพื่อนอีกคนให้ช่วยรีดให้ ซึ่งเพื่อนคนนั้นท่าทางเธอไม่ได้เต็มใจเท่าไร หน้าบึ้งเล็กน้อย น้องคนใหม่นี้เขาหันหลังไปหยิบเครื่องพ่นไอน้ำมาแกะฝาออก แต่เจ้ากรรม ทำยังไงก็เปิดฝาที่จะใส่น้ำไม่ออก เห็นพยายามประมาณห้านาที ก็หันกลับมาบอกห้วนๆ ว่า “พี่คะเครื่องเสียรีดไม่ได้” “พี่ใส่ไปอย่างนี้ได้ไหมคะ”
ถึงแม้จะไม่ใช่คนพิถีพิถัน แต่ก็ไม่กล้าใส่ เลยตอบไปว่า “ ไม่เป็นไรค่ะ มันยับอย่างนี้พี่ใส่ไม่ได้หรอก น้องเอาใส่ถุงก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปหาซื้อตัวใหม่ก็ได้” ไม่รู้อะไรดลใจน้องให้หาวิธีใหม่ โดยบอกว่าจะลองไปขอยืมร้านข้างๆ ดู แล้วก็หายไปประมาณสิบนาที ระหว่างที่รอไม่รู้จะทำอะไร เลยเลือกกางเกงอีกตัวมาถือไว้พร้อมกับคิดว่า เราควรจะให้เงินน้องเขาเป็นค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ ดีไหมที่เขาทำให้ แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม แล้วจะดูน่าเกลียดไหม คิดไตร่ตรองสักพักก็ตัดสินใจได้
พอน้องเขาเดินกลับมายื่นกางเกงให้ เราก็รับมาพร้อมกับยื่นกางเกงที่เลือกไว้ แล้วบอกว่า “น้องคะ พี่ซื้ออีกตัว” นอกจากนั้นก็ให้เงินน้องไปห้าสิบบาท บอกว่า เอาไว้ทานขนม ท่าทางน้องเขาตอนนั้นสีหน้าเขินๆ อมยิ้มเล็กน้อย ทำท่าไม่อยากรับ แต่เราก็ยังคงยื่นเงินให้ เขาก็เลยรับแล้วยกมือไหว้พร้อมกับกล่าวคำว่า ขอบคุณ เมื่อรับกางเกงไปเพื่อส่งแคชเชียร์ ท่าทางเขาเดินไปอย่างกระฉับกระเฉง ไม่ดูเซ็งๆ เหมือนที่แรกเห็นเขายืนทำงานที่เคาน์เตอร์ร้าน พอกลับมายังส่งของให้พร้อมกับรอยยิ้ม
การที่เขาได้รับเงินจากเรา สำหรับตัวเองแล้วคิดว่าเงินจำนวนนี้มันไม่ได้มีมูลค่ามากมาย และการที่พนักงานขายเขามีท่าทีที่เปลี่ยนไปก็คงไม่ใช่แค่กระดาษที่ถูกอุปโลกให้มีมูลค่าแลกเปลี่ยน แต่...มันน่าจะมาจากสิ่งอื่นที่แฝงไปมากกว่า นั่นก็คือมูลค่าของน้ำใจที่ได้รับ บวกความรู้สึกได้รับการยอมรับและเห็นความสำคัญในสิ่งที่เขาทำให้เรามากกว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าคนอื่นจะคิดเหมือนกับเราหรือเปล่า???? แต่อย่างน้อยก็มีคนนึงแล้วล่ะ ที่คิดเหมือนกัน
สวัสดีค่ะ
เวลาไปตามห้าง ก็เคยเจอแบบนี้ค่ะ
บางทีพนักงานขายก็มีน้ำใจเอื้อเฟื้อบริการเราเพิ่มเติมเอง บางคนเราก็วานเขา แต่ก็พูดกับเขาอ่อนหวานพิเศษหน่อย และบางทีก็ทิปเขาด้วยแบบนี้ค่ะ
เขาก็ดูแลเราดีค่ะ
ถ้าเราให้ความสำคัญกับเขาๆก็ เต็มใจกับเราค่ะ
ดีใจด้วยที่แก้ปัญหา การลืมกางเกงดำไปได้นะคะ
สวัสดีค่ะ คุณหมอพัท
ขอบคุณนะคะที่มาเยี่ยม
ความคิด ความอ่านของคุณหมอสมกับนามสกุลจริงๆ เลยค่ะ ทั้งหน้าที่การงานก็เป็นอาชีพที่ต้องมีใจจริงๆ จึงจะมาอยู่ในชนบท และเสียสละความสุขส่วนตัว แต่ถ้าใจรัก ทำอย่างมีความสุข ก็จะได้บุญกุศลโขเลยค่ะ