วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่มหาลัยหยุดเรียน ก็สบายไปอีกแบบหนึ่ง แต่มีความรู้สึกว่าขาดอะไรไปสักอย่างหนึ่ง เวลาไม่ได้ไปเรียนแล้วคิดถึงห้องเรียน สิ่งดีๆที่อยู่ภายในห้องเรียนนั้นมากมายโดยเฉพาะเวลาที่ท่านอาจารย์มาสอน
การที่เราได้เรียนรู้ในห้องเรียนก็เป็นเพียงแนวทางที่เราจะต้องนำมาศึกษาค้นคว้าในลายละเอียดของวิชานั้นๆ เพื่อค้นหาประเด็นปัญหานำไปสู่ความรู้ที่แท้จริง
พอดีว่าหยุดเรียนก็เลยมีเวลานั่งทำรายงาน ถือว่าใช้เวลาว่างให้มีคุณค่า เพราะมีคนบอกว่า เวลาเป็นของมีค่า แต่ความจริงมีค่ามากกว่าเวลา
ถ้าจะตีความหมายเรื่องความจริงก็ได้หลายแง่ก็อยู่ที่ตัวของเราว่าขณะนี้กำลังทำอาชีพอะไรอยู่
โดยเฉพาะอาชีพนักศึกษา ไม่ควรจะปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่าประโยชน์ เพราะปัญหาของเวลาคืออาจารย์ท่านสั่งงานมาแล้วเราทำไม่ทัน มัวแต่ยืมไหล่เพื่อนพักพิงแล้วเมื่อไหร่ชีวิตของเราจะยืนหยัดต่อสู้กับปัญหาที่กำลังจะเกิดในวันพรุ่งนี้ หรือวันอื่นๆ
มาพูดถึงค่าของความจริงคือเราไม่มีรายงานส่งอาจารย์ข้อนี้เป็นปัญหากันมากสำหรับนิสิต - นักศึกษ สมัยอยู่กรุงเทพฯเห็นนักศึกษามาเข้าแถวเพื่อก็อปปี้รายงานของเพื่อนเห็นแล้วก็น่าชื่นชมเพื่อนที่ทำจริงๆ อุตส่าห์ใช้ความคิด วิเคราะห์ปัญหาในรายงาน
เราไม่ควรจะยืมไหล่ใครพักพิงถ้าไม่จำเป็น เพราะชีวิตเรายังต้องเจออะไรอีกมากมายในชีวิต รายงานหรือถูกดุด่ากล่าวเตือนบ้างคงไม่ทำให้เราท้อแท้หรือเลิกเรียนเสียกลางคัน ชีวิตเราเมื่อเริ่มต้นหรือเราเลือกทางที่จะเดินแล้ว เราก็ต้องนึกถึงจุดหมายปลายทางของการเรียนเพื่อไปหาจุดหมายปลายทางที่เราหวังหรือคนที่รอคอยความสำเร็จของเราอยู่
มีกลอนบทหนึ่งได้อ่านเจอก็อยากจะขอนำมาประกอบข้อความเบื้องต้น
เรียนอะไร อะไร ก็ให้รู้
ดูอะไร อะไร ก็ต้องเห็น
ทำอะไร อะไร ก็ต้องเป็น
ถ้าไม่เล่น หมั่นทำ จักจำเริญ.
มองหาจุดหมายปลายทางของชีวิตแล้วท่านจะพบคำตอบ อาชีพนิสิต - นักศึกษาเราเรียนเอาแค่ทฤษฏีเท่านั้น สิ่งที่แท้จริงที่เราต้องเจอคือหลังจากเราเรียนจบแล้วนั้นคือข้อพิสูจน์ที่แท้จริง
จะได้พิสูจน์ว่าความรู้ความสามารถของเราพอที่จะสมัครทำงานได้หรือไม่ มิใช่มีแค่ใบประกาศแต่ความรู้ประกอบใบประกาศนียบัตรไม่มีเลย
ใคร่ครวญกันสักนิดแล้วชีวิตจะมีความสุขอนาคตจะได้สดใส