สิ่งที่จะผมกล่าวต่อไปนี้เป็นหลักการเกี่ยวกับความรู้สึกและการกระทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพบในชีวิตประจำวัน เพียงแต่ไม่ได้สังเกตอย่างจริงจังว่าทั้งสองส่วนนี้มีความสัมพันธ์ต่อกันอย่างไร ผมอยากให้อ่านและค่อยๆ พิจารณาตาม เนื่องจากจะเป็นพื้นฐานในการปฏิบัติและแก้ไขปัญหาต่างๆ
หลักการในแง่ของความรู้สึกข้อแรก คือ อารมณ์ความรู้สึกเป็นสิ่งที่ตั้งใจควบคุมบังคับโดยตรงไม่ได้ เราไม่อาจบังคับให้ตัวเองรู้สึกตามต้องการได้ หากเราควบคุมความรู้สึกได้ ทุกคนคงทำให้ตัวเองมีแต่ความรู้สึกดีๆ อยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหากรู้สึกโกรธ หงุดหงิด ขึ้นมา ก็จะเป็นอย่างนั้นไปตลอด เราทำให้ความรู้สึกนี้เบาบางลงได้โดยวิธีการทางอ้อม ซึ่งจะกล่าวถึงต่อไปหลักการข้อที่สองคือ จงตระหนักและยอมรับต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นตามที่มันเป็น ไม่ต้องพยายามปฏิเสธ หรือบิดเบือน ในเมื่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอะไรที่เราควบคุมไม่ได้ คงไม่มีใครที่อยากจะมีความรู้สึกที่ไม่ดี รวมทั้งตัวเราเองด้วยเหมือนกัน
สิ่งสำคัญประการแรกคือ การตระหนักรู้ว่าเรากำลังมีอารมณ์ความรู้สึกอย่างไร เนื่องจากเรามักทำอะไรออกไปตามความเคยชิน จนลืมที่จะมาสนใจว่าตนเองรู้สึกจริงๆ อย่างไร หากความรู้สึกที่มีเป็นด้านลบ เช่น โกรธ เกลียด ขี้เกียจ อิจฉา ก็ยอมรับอย่างที่มันเป็น เพราะมันเป็นความจริง และเราบังคับไม่ได้ การมีความรู้สึกเช่นนี้มิได้หมายความว่าเราเป็นคนเลว หรือแย่มาก ถ้าเราเกิดความรู้สึกอิจฉาขึ้น ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกผิด แต่ถ้ารู้สึกผิดก็ไม่เป็นไร ขอเพียงให้รู้ถึงอารมณ์ของตัวเองจริงๆ ว่าเป็นอย่างไร และลองคิดดูว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นนี้ช่วยเตือนหรือให้บทเรียนอะไรแก่เราได้บ้าง ถ้ารู้สึกกังวลก่อนสอบสัมภาษณ์สมัครงาน ก็อาจต้องเตรียมตัวให้พร้อม ฝึกซ้อมการสัมภาษณ์ แทนที่จะเสียเวลาไปกับการปฏิเสธ หรือเก็บกดความรู้สึกนี้ ถ้ารู้สึกน้อยใจที่หัวหน้างานไม่ส่งเสริม ก็อาจต้องพูดคุยปรึกษากับเพื่อนฝูงหรืออาจจะกับตัวหัวหน้าเองก็ได้ ว่าเรามีจุดบกพร่องหรือควรปรับปรุงตรงไหน
สวัสดีค่ะ อาจารย์หมอมาโนช
อาจารย์อธิบายเรื่องอารมณ์และความรู้สึกให้เข้าใจง่ายดีจังค่ะ ให้แง่คิดดีด้วย ดิฉันอ่านวนอยู่ 3 รอบทั้งสองบันทึก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่งง : ) แต่มีคำถามอยากเรียนถามอาจารย์นิดนะคะ
เอ่อ...โปรดอย่าให้เป็นภาระในการตอบนะคะ ให้อาจารย์สะดวกใจนะคะ : )
อารมณ์ความรู้สึกเป็นสิ่งที่ตั้งใจควบคุมบังคับโดยตรงไม่ได้
จงตระหนักและยอมรับต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นตามที่มันเป็น
เห็นด้วยตามนี้ค่ะ
เราควบคุมอะไรได้เพียงแค่บางอย่าง และ หลายๆๆอย่างเราก็ควบคุมไม่ได้ค่ะ
เราได้แต่เพียงดู เพียงเห็น รับรู้ ค่ะ
และ สำคัญมากค่ะ คือ การไม่ผลักไส ไม่ปฏิเสธ
แต่เปลี่ยนเป็น รับรู้ เข้าใจ ยอมรับและดูแล
และเห็นด้วยนะคะ ว่าถ้ายังทำไม่ได้ ยังยอมรับไม่ได้
ก็ให้รู้ว่าเรายังยอมรับไม่ได้
เป็นอย่างไรก็เห็นอย่างนั้น นี่คือจุดเริ่มต้นแห่งความกรุณาค่ะ ^__^
ขอบคุณอาจารย์นะคะ สำหรับบทความดีๆๆค่ะ
เอาไปประยุกต์กับการบำบัดโรคย้ำคิดย้ำทำด้วยตนเองได้เป็นอย่างดี ขอบพระคุณ คุณหมอครับ