นับจากนี้ไปเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ทางมูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร จะยกระดับการพัฒนาการเรียนรู้ควบคู่กับไปกับแนวทางเศรษฐกิจที่พึ่งตนเองได้ ที่ก่อเกิดเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนแตกต่างแปลกตาไปจากเดิม คือร้านค้าชุมชนรากแก้ว และศูนย์เรียนรู้ไอซีทีเพื่อชุมชน ที่จัดตั้งภายในสำนักงานมูลนิธิฯ
โดยทั้งสองส่วนนี้เป็น นวตกรรมการเรียนรู้ใหม่ของทีมงานและเครือข่าย ที่ต่อยอดแนวความคิดจากงานพัฒนากว่า 10 ปี มาหนุนเสริมงานด้านเศรษฐกิจพึ่งตนเองขององค์กร
ในขณะเดียวกันงานพัฒนาองค์ความรู้ สร้างกลุ่มเครือข่าย เชื่อมประสานองค์กรต่างๆ ก็ยังคงเป็นเป้าหมายหลักของการทำงานเช่นเดิม ดังนั้นช่วงต่อแต่นี้ไปจึงน่าสนใจมากทีเดียวสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะสำเร็จมากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับหลากหลายส่วนที่จะมาช่วยกันพัฒนา คงไม่ใช่ภารกิจหลักของมูลนิธิฯ เพียงหน่วยเดียวเท่านั้น คอยเกาะติดสถานการณ์ในอนาคตต่อไปนะครับว่าจะเป็นยังไง
มาเชียร์ครับ เห็นด้วยกับการเคลื่อนไปข้างหน้าอีกขั้นตอนหนึ่งของมูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตรในครั้งนี้ ฝากเรียนคุณสุรเดชว่า สคส. ขอเชิญคุณสุรเดชมาเล่าในการประชุมภาคี KM ภาคประชาสังคมได้ไหมครับ จะได้ช่วยเชื่อมโยงเครือข่ายต่อ
อ้อมจะติดต่อนัดหมายนะครับ
เรียน คุณสุรเดช,
อ้อมขอแจ้งเบื้องต้นว่า การประชุมภาคีจัดการความรู้ในท้องถิ่นฯ ครั้งต่อไป มีกำหนดจัดในวันอังคารที่ 24 กรกฎาคม 2550 ค่ะ
ด้วยความเคารพ,
อุรพิณ ชูเกาะทวด
สวัสดีครับ คุณหมอวิจารณ์, พี่อ้อม และทีมงาน สคส. ทุกท่าน
เรื่องประชุมภาคีฯ เดี๋ยวเปียจะประสานหมอสุรเดชเพื่อทราบต่อไปนะครับ
***คิดถึงทีมงาน สคส. ทุกท่านมากครับ หวังว่าทุกท่านคงสบายดีทั้งกายและใจ ทางมูลนิธิฯยังเคลื่อนกิจกรรมกันอยู่อย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะติดขัดในเรื่องงบประมาณบ้างก็ตาม คิดว่าตอนนี้คงให้เป็นไปตามกำลังความพร้อม ความเหมาะสมที่องค์กรจะพึงทำได้ ทีมงานทุกคนยังเต็มที่ครับ ในส่วนแกนนำบางคนอาจจะถอดใจบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาเป็นที่เข้าใจกันว่าความพร้อมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความเป็นชุมชนนักปฎิบัติจะไม่มีวันแปลกแยกแตกต่างไปจากวิถีชีวิตที่เค้าเป็นอยู่ อยากเห็นความเป็นธรรมชาติของการเคลื่อนงานซึ่งคิดว่าทุกท่านก็คงคิดเช่นนั้นเหมือนกันนะครับ
***ไม่ทราบว่าจะมีโอกาสได้พบเจอกันอีกเมื่อไหร่น้อ
ด้วยความเคารพครับ