ผมไม่ค่อยได้ดูทีวีมากนัก ยิ่งหนังต่างประเทศแทบจะไม่ดูเลย แต่หนังทีวีไทยก็จะดูบ้าง มีหลายคนบอกว่าหนังทีวีไทยเป็นพวกนิยายน้ำเน่า ไร้สาระ ตบตีแย่งผู้หญิงผู้ชายกัน ชอบเน้นเรื่องเพศ รักๆใคร่ แต่หากวิเคราะห์ให้ดี จะพบว่าคำพูด ดูหนัง ดูละครแล้วย้อนดูตัวเอง สังคมเป็นอย่างไร ละครก็สะท้อนออกมาเป็นอย่างนั้น สังคมไทยเป็นสังคมดัดจริต สังคมเอาหน้า สังคมโหนกระแส สร้างภาพเหมือนดี แต่หลายอย่างกลับพบว่าข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง ฮีโร่หรือขวัญใจของสังคมหลายคนก็อาจทำให้คนในสังคมผิดหวังได้ แล้วเราก็รอขวัญใจคนใหม่ไปเรื่อยๆ ภาษาสังคมเขาเรียกว่าเป็น Cosmetic social เพื่อนผมคนหนึ่งที่เพิ่งจบเป็นหมอเขาพูดว่า ตกลงชีวิตจริงในสังคมเลียนแบบละครหรือละครเลียนแบบชีวิตจริง กันแน่
ที่ตั้งใจจะเขียน ไม่ได้ต้องการวิพากษ์สังคม แต่เผอิญเพลินไปหน่อย ที่ผมจะเขียนถึงคือละครเรื่องในฝัน ผมเองก็ไม่ได้ดูละครเรื่องนี้เหมือนกันในรอบใหม่นี้ แต่เคยดูบ้างในเวอร์ชั่นก่อน ที่ไม่ดูละครเพราะผมชอบอ่านนิยายมากกว่า การอ่านในหนังสือทำให้เราได้ใช้จินตนาการของเราเอง ไม่ถูกบังคับอย่างในหนังในละคร
ผมอ่านเรื่องในฝันตั้งแต่อยู่ชั้น ม. 4 ก็ยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ผมชอบมากและคิดว่าเป็นนิยายที่ให้ความรู้เรื่องของการเป็นหัวหน้าหรือผู้บริหาร รวมทั้งการใช้ชีวิตในสังคม คำพูดแต่ละประโยคของเจ้าชายโอริสสาหรือเจ้าชายเสนาบดี จะแฝงไว้ด้วยนัยยะทางการบริหารจัดการ โดยเฉพาะการบริหารคน การเลือกใช้คน การบริหารความขัดแย้ง มีอยู่ประโยคหนึ่งที่ผมจำได้มาทุกวันนี้ เรียกว่าติดอยู่ในใจเลยคือ รู้จักคนให้มาก แต่คบคนให้น้อยสวัสดีค่ะ...คืออยากทราบถึงเกี่ยวกับการทำงานของโครงการพอสว.อะคะ คืออาจจะไม่ค่อยเกี่ยวกับหัวข้อนี้สักเท่าไหร่อ่ะคะ
เห็นมันลิงค์เข้ามาอะคะ...ขอบคุนมากคะ