เพื่อนๆ หลายต่อหลายคนเตือนดิฉันเรื่อง เลี้ยงแมวซึ่งอาจมีผลต่อการตั้งครรภ์ของเจ้าของ
ดิฉันก็เริ่มสงสัยว่าทำไมต้องเป็นแมว! แล้วหมาต้องระวังด้วยไหม แล้วที่ต้องระวังเป็นเพราะขนแมวหรือเพราะเป็นพยาธิหรือเห็บหมัด
ดิฉันสงสัยอย่างมากเพราะอยู่กับแมวมาตลอดก็จะรู้ว่าแมวเป็นสัตว์ที่สะอาดมากๆ แต่เมื่อมีคนเตือนแล้ว เราก็ต้องระวัง
แต่ถ้าใครจะให้ดิฉันเอาน้องมิ้งค์ไปให้คนอื่นนั้นดิฉันคงไม่ทำแน่นอน เพราะตลอดเวลาที่ดิฉันไม่สบายใจหรือคุณสามีไม่ค่อยมีเวลาให้ ก็จะมีแต่น้องมิ้งค์ที่คอยเข้ามาคลอเคลียตลอดเวลา ช่วยให้ไม่เครียดไม่เหงาค่ะ
แล้วดิฉันก็ค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตหลายแห่งและสรุปง่ายๆ ว่า แมวที่เลี้ยงนอกบ้านและเป็นแมวที่กินของดิบอาจจะมีพยาธิที่มีผลต่อการตั้งครรภ์ของคนและคนทั่วไป แต่ตราบใดที่ คนมี good hygiene คือ มีนิสัยรักสะอาด เช่น ล้างมือบ่อยๆ เป็นต้น ก็ปลอดภัยได้ค่ะ
ดีที่น้องมิ้งค์ไม่ชอบออกนอกบ้าน ไม่กินของดิบ (แถมชอบกินโยเกิร์ต ฮาฮา) และโดนเช็ดตัวบ่อยๆ แต่ที่แย่ก็คือ น้องมิ้งค์ชอบมานอนบนเตียงกับดิฉันนี่นะสิ (บล็อกน้องมิ้งค์ http://cat.gotoknow.org)
ตอนนี้ดิฉันต้องเริ่มเอาผ้าคลุมเตียงมาคลุมไว้เป็นประจำ แล้วก็พยายามไม่ให้น้องมิ้งค์ขึ้นเตียง ติดประตูมุ้งลวดกันไม่ให้มิ้งค์เข้าห้องตอนกลางคืน
นอกจากนี้ ก็มีหลายต่อหลายอย่างที่คนท้องจะต้องปฏิบัติเพื่อสุขนิสัย (good hygiene) เช่น
• อยู่ให้ห่างจากทรายแมวเข้าไว้ ไม่แตะต้องอย่างเด็ดขาด (ให้คุณสามีเป็นคนจัดการดีกว่าค่ะ)
• ล้างมือทุกครั้งที่จับน้องแมวหรือสัตว์ต่างๆ และในกรณีอื่นๆ ด้วย
• ไม่ควรทำสวน ถ้าจำเป็นก็ต้องใส่ถุงมือ และล้างมือให้สะอาด
• ไม่ควรแตะต้องของดิบ เช่น เนื้อสัตว์ เป็นต้น ระวังเรื่องเขียง มีด และ อุปกรณ์ครัวต่างๆ ที่ใช้กับของดิบ
• นำแมวไปถ่ายพยาธิทุกสามเดือน (ทำเองก็ได้นะค่ะ แต่ต้องฝึกฝนกันหน่อย หรือไม่ก็หากลเม็ดเด็ดๆ มาหลอกล่อให้กินค่ะ)
• เช็ดถูพื้น กวาดบ้าน เป็นประจำ
ฯลฯ
เพียงเท่านี้อยู่กันได้ครบถ้วนทุกคนทุกตัวทั่วหน้ากันนะค่ะ :)
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.noworm.com/FAQ.873.0.html
http://www.petshed.com/articles/human-risk-from-cat-worms.html
ทั้งนี้เป็นเพราะว่า ในลำไส้น้องแมวนั้นเป็นที่อยู่อาศัยและเป็นวงจรของชีวิตของเจ้าพยาธิที่มีชื่อว่า Toxoplasma gondii ครับ เจ้าตัวนี้จะส่งผลกระทบทำให้ทารกในครรภ์ตัวเล็ก หรือแท้งง่าย เนื่องจากมีการติดเชื้อในครรภ์ครับ
จริงๆในสุนัขก็มีนะครับ แต่ไม่มากเท่าคุณเหมียว
ไม่ใช่ว่าไม่ให้ถูก หรือจับไม่ได้นะครับ แต่ควรรักษาความสะอาด ล้สงมือบ่อยๆ อย่าให้แมวขึ้นไปเพ่นพ่านตามโต๊ะอาหาร หรือที่ที่มีของกินของคน
นอกจากคนท้องแล้ว คนอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องระวังคือ ผู้ติดเชื้อเอดส์ครับ
เอ๊ะ ทำไมเหมือนกัน ก็เพราะว่า ตามธรรมชาติของคนท้องนั้น ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่ำลงกว่าปกติครับ ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกัน ไม่ให้คุณแม่ดีดลูกออกไปก่อนยังไงล่ะครับ
ยินดีกับสมาชิกใหม่ที่กำลังมาครับ
แล้วอย่างนี้วิธีปฏิบัติตนของอ.จันก็น่าจะใช้ได้ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมคะ สงสารหนูมิ้งค์จัง คงงงงงว่าทำไมแม่รูปร่างแปลกไป แถมยังห่างเหินเล็กน้อยอีกต่างหาก
เป็นกำลังใจให้ว่าที่คุณแม่ เขียนบันทึกเก็บไว้เล่าให้น้องหนูอ่านบ้างไปเรื่อยๆนะคะ
ขอบคุณคุณหมอธนพันธ์อย่างมากค่ะสำหรับการต่อยอดความรู้ในครั้งนี้ ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนค่ะ
พี่โอ๋ค่ะ เนื่องจาก น้องมิ้งค์เป็น แมวที่ไม่กินอาหารดิบ และ ไม่ออกนอกบ้าน ค่ะ และที่บ้านก็พยายามปฏิบัติอย่างที่เขียนไว้เพื่อ good hygiene ค่ะ ความเสี่ยงจึงลดลงเยอะค่ะ ขอบคุณค่ะ :)
สวัสดีค่ะ
ดิฉันเองก้อเลี้ยงแมวค่ะ และก้อท้องด้วยตอนเลี้ยงเขา แต่ก้อไม่ได้เอาไปปล่อยตามที่ใครๆแนะนำหรอกน่ะค่ะ (เพราะดิฉันรักเขามาก) แต่ก้อพยายามอาบน้ำ และทำความสะอาดไห้เขาบ่อยๆ ส่วนตัวเองก้อหลีกเลี่ยงการ การหอม การจูบที่ขนของเขา และถ้าอดใจไม่ได้ไปกอด ก้อจะล้างมือทุกครั้งค่ะ ยังไงก้อดูแลสุขภาพด้วยน่ะค่ะสำหรับคุณแม่คนไหม่
แม่น้องมีน
ตอนนี้กำลังท้องได้ 2 เดือนค่ะ ที่บ้านเลี้ยงแมวมาตั้งแต่ก่อนท้อง 2-3 ปี แล้ว เข้ามาอ่านกระทู้แล้ว รู้สึกสบายใจขึ้น เห็นหลายคนบอกว่า ไม่ให้แตะต้องเลย คงเป็นไปไม่ได้ เรื่องเอาไปปล่อยไม่ต้องพูดถึง ไม่มีทางค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีดี และแนวทางการปฏิบัติตัวสำหรับคนท้องนะคะ ^_^
ไปมีทางทิ้งน้องแมวแน่ค่ะ รักเค้ามากเลยค่ะ ^^