บ่ายวันนี้ยังคงอยู่ในบรรยากาศของการประชุมผู้
บริหารกศน.ทั้วประเทศที่โรงแรมมิราเคิล กทม. ยามเบรค
บ่าย ผมไม่สนใจไยดีกับขนมเบรคเพราะพลังงานในตัวยัง
มีมากอยู่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มพลังงานแต่อย่างใด จึงเขียน
คำรับรองสถานีบริการความรู้กศน.ในจังหวัดฉะเชิงเทรา
แห่งหนึ่งซึ่งสร้างชื่อ คือ บ้านหนังสือ ที่กศน.แปลงยาว
ดังนี้
บ้านหนังสือ : กศน.แปลงยาว
ดิศกุล เกษมสวัสดิ์
ผอ.กศน.จังหวัดฉะเชิงเทรา
๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๐
สวัสดีค่ะ
มาเยี่ยมค่ะ
บ้านหนังสือ สื่อเรียนรู้ อยู่ในบ้าน
เชิญมาอ่าน ในบ้านนี้ มีคุณค่า
เจ้าของบ้าน ทั้งยินดี และปรีดา
มีวิชา หามาให้ ไว้แบ่งปัน
บ้านหนังสือ อีกหนึ่งบริการที่ตั้งใจมอบให้กับประชาชน กศน.สู้ ๆ
รากฐานของตึกคือเขาเข็ม
รากฐานการเติมเต็มคือการศึกษา
รากฐานการพัฒนาคือการศึกษานอกโรงเรียน
ดีจังเลยค่ะ เป็นบทกวีที่ได้อ่านแล้วรู้สึกว่าอยากเข้าไปสัมผัสกับบ้านหนังสือแห่งนี้จังเลย
กศน.รุกให้โอกาสการศึกษาพื้นฐานเล็งผู้ด้อยโอกาสทุกคนได้เรียน
จากการประชุมสัมมนาผู้บริหารการศึกษานอกโรงเรียนและการศึกษานิเทศเรื่องการดำเนินงาน กศน.ในรอบ3เดือน ที่โรงแรมมิลาเคิล แกรนด์คอนเวนชั่น วันที่ 12 มิถุนายน 2550 ดร.สมบัติ สวรรณพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน(กศน.) กล่าวถึงผลการปฏิบัติงานรอบ 6เดือน กศน.ปีงบประมาณ 2550 ว่า กศน.เน้นการปฏิรูปการศึกษาโดยยึดหลักคุณธรรมนำความรู้ตามนโยบายรัฐบาล โดยเริ่มที่ผู้บริหารที่ต้องทำด้วยใจที่มีคุณธรรมยึดถือประโยชน์ของบุคคลอื่นและส่วนรวมเป็นหลัก ซึ่งเท่าที่ประเมินในภาพรวมก็สามารถทำได้ในระดับที่ดีแล้วแต่สิ่งที่ตนอยากเห็นต่อไปคือการบูรณาการเนื้อหาของคุณธรรมให้เข้าไปในทุกหลักสูตร ของการศึกษานอกระบบ มีการออกแบบการเรียนรู้ที่เป็นกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดเป็นทักษะชีวิตในขณะเดียวกันต้องมีการขยายโอกาสทางการศึกษาขั้นพื้นฐานที่รุกเข้าไปในกลุ่มเป้าหมาย 3กลุ่ม คือ 1. กลุ่มที่คนยากจนที่สุดซี่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึงโอกาสทางการศึกษาได้ยาก 2. กลุ่มคนที่อยู่ในชุมชนแออัดซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่อพยพเคลื่อนย้ายมาอยู่ในเมือง ที่ดูเหมือนจะมีโอกาสแต่ไม่มีโอกาส 3. กลุ่มชนที่อยู่ตามชายแดน หรือกลุ่มชนเผ่า นอกจากนี้ยังเน้นย้ำเรื่องของตำบลเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อส่งเสริมให้คนเรียนรู้ตลอดชีวิตโดยมีหลักคิดว่าเราต้องจัดโอกาสให้คนเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ใครอยากเรียนต้องได้เรียน แต่ถ้าใครไม่อยากเรียนก็หาวิธีกระตุ้นให้อยากเรียน และในปีการศึกษา 2551 ก็จะมีการขยายแนวคิดเรื่องของตำบลเรียนรู้ตลอดชีวิตให้ได้อย่างน้อย 50% ของตำบลทั่วประเทศหรือทุกตำบลที่มีครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียนอยู่ ส่วนเรื่องคูปองเรียนรู้ตลอดชีวิตก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ กศน. พยายามให้ผู้อื่นหรือหน่วยงานอื่นๆ จัดการศึกษาโดย กศน. พร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ “ การจัดการศึกษาเพื่อยกระดับประชากรวัยแรงงานก็เป็นอีกงานหลักของ กศน. ซึ่งตามเป้าหมายในปี 2548-2551 กศน.ต้องจัดให้ได้ 11 ล้านคน แต่ในความเป็นจริง กศน.ได้รับเงินสนับสนุนให้จัดได้เพียงปีละ 1.2 ล้านคน ดังนั้นหากจะทำให้ได้ตามเป้าหมายจะต้องได้รับงบฯเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 เท่า เพื่อจัดให้ได้ปีละประมาณ 4 ล้านคน อย่างไรก็ตาม รมว.ศึกษาธิการก็ยอมรับว่าเป้าหมายนี้เป็นไปได้ยาก จึงได้มอบหมายให้ทางสภาการศึกษาไปทบทวนปรับเป้าหมายใหม่เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป”ผอ.กศน.กล่าว(เอกสารอ้างอิง หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ หน้า 23 การศึกษา ฉบับวันที่ 13 มิถุนายน 2550 )
ห่วง “ธรรมาภิบาล” ในการทำงานชาว กศน. ติดลบ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2550 ที่ ร.ร. มิราเคิ้ลแกรนด์ ดร.จรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ) กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมสัมมนา ผู้บริหารการศึกษานอกโรงเรียน(กศน.) และศึกษานิเทศก์ทั่วประเทศ เรื่องการขับเคลื่อนงาน กศน. ในรอบ 3 เดือน ว่าอยากเร่งให้ กศน. ทำหลายเรื่อง เรื่องแรกคือพ.ร.บ. การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เรื่องที่สอง การขยายโอกาสทางการศึกษาให้สูงขึ้นทั้ง 2กลุ่มเป้าหมาย ไดแก่กลุ่มอายุ 15-39 ปี และกลุ่มอายุ 39-59 ปี นอกจากนี้อยากให้ กศน.ยกระดับคุณภาพมาตรฐาน โดยดึงชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง ทั้งนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อเปิดโอกาสให้คนทุกกลุ่มได้เข้าถึง อย่างไรก็ตามได้ยอมรับว่าที่ผ่านมาการเพิ่มสัดส่วนการจัดการศึกษามีปัญหาในเรื่องของบประมาณ ดังนั้นจะมีการต่อสู้เพื่อเพิ่มงบประมาณ อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของข้าราชการในสังกัดสำนักงานปลัด ศธ.พบว่า ธรรมาภิบาลในการทำงานของข้าราชการสังกัด กศน.มีการร้องเรียนหรือมีบัตรสนเท่ห์มากที่สุด ดังนั้นชาว กศน.จะต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ หากยังนิ่งเฉยอาจจะกระทบในเรื่องของโบนัสที่รัฐบาลจะจัดสรรให้ก็ได้ ด้าน นายสมบัติ สุวรรณพิทักษ์ ผอ.กศน.กล่าวว่าการดำเนินงานของกศน.ในรอบ6เดือนที่ผ่านมา พบว่าประสบความสำเร็จหลายเรื่อง โดยเฉพาะการปฏิรูปการศึกษาที่ยึดคุณธรรมนำความรู้ มีการนำนิทานคุณธรรม 80 เรื่องมาใช้ในการจัดกระบวนการเรียนการสอนรูปแบบต่างๆ มีการขยายโอกาสทางการศึกษาโดยใช้ยุทธศาสตร์ “ลุยถึงที่” รุกเข้าไปจัดการเรียนการสอนในทุกพื้นที่ในที่ยังไม่เข้าถึง ทั้งยังส่งเสริมตำบลแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต และใช้คูปองส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วย (เอกสารอ้างอิง หนังพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 13 มิถุนายน 2550 หน้า 15 การศึกษา-ศาสนา-สาธารณสุข)“การอ่าน-การเขียน” เป็นกิจกรรมที่มีบทบาทต่อการสร้างสรรค์กิจกรรมทางปัญญาของมนุษย์มาช้านาน. มนุษย์ “เขียน” สิ่งที่รู้และประสบการณ์เก็บสะสมไว้เป็นความรู้มากมาย. มนุษย์ “อ่าน” ทุกสิ่งที่เก็บไว้และถ่ายทอดสู่กันฟังอยู่เสมอ. ชีวิตมนุษย์จึงเกี่ยวข้องกับการการอ่านและการเขียนอย่างแยกไม่ออก.
ผู้จัดทำหนังสือย่อมยินดี และรู้สึกเป็นสุขที่ได้พบเห็นหนังสือมากมาย
ทะยอยเดินหน้าออกมาอวดโฉมอยู่บนแผง. เหตุการณ์ทำนองนี้ย่อมแสดงให้เห็นไปพร้อมๆ กันว่า ไม่ว่าสังคมจะเปลี่ยนไปอย่างไร คนในสังคมของเราก็ยังมีเวลาส่วนหนึ่งสำหรับ “อ่านหนังสือ” และแน่นอนว่า หนังสือย่อมเสริมสร้างให้ใครก็ตามที่อ่านได้มีความรู้ความเข้าใจโลกและชีวิตมากขึ้นไม่มากก็น้อย
เมื่อยังมีคนอ่านหนังสือ หนังสือก็ย่อมเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิต
และเป็นส่วนหนึ่งในความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์อย่างแน่นอน เราเชื่อเช่นนี้. "เมล็ดพันธุ์ความคิด"
ขอบคุณ คุณพี่ sasinanda ครับที่มาเยือน
คุณสายน้ำครับ
คุณสายน้ำคิดเล่น ๆ แต่มีความหมายเข้าใจ concept การพัฒนาบ้านหนังสือได้มากเลยทีเดียวครับ ขอบคุณครับ
ปรบมือให้กับชาว กศน.แปลงยาว นะคะ แล้วหาไอเดียดีดีมาฝากอีกนะ
นับเป็นกลยุทธที่ดึงกลุ่มเป้าหมายที่พลาคและขาดโอกาสทางการศึกษา ได้เข้ามาหาความรู้อีกหนึ่งวิธี ครับ ที่ควรศึกษาและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปครับ
บ้านหนังสือนี้ดีหนักหนา
มีเนื้อหาตำรานานับประการ
เหนี่อยนักพักอ่านยามว่างงาน
ทุกคนในบ้านล้วนบริการดี