มนุษย์เกิดมาในโลกนี้ล้วนแต่ต้องการความั่นคงในชีวิต แต่ปัจจุบัน "ความมั่นคง ที่ไม่มั่นคงของมวลมนุษย์ชาติ" กลับมีสูงขึ้นโดยเฉพาะกับสิ่งแวดล้อม (Environment) ที่ถูกทำลายจนขาดการสมดุลทำให้ การดำรงชีพของมนุษย์เกิดการสูญเสีย
นอกจากนั้น สภาวะโลกร้อนยังส่งผลให้บางบริเวณในโลกประสบกับสภาวะแห้งแล้งอย่างอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่น ขณะนี้ได้เกิดสภาวะโลกร้อนรุนแรงขึ้นอีกเนื่องจากต้นไม้ในป่าที่เคยทำหน้าที่ดูดกลืนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ล้มตายลงเนื่องจากขาดน้ำ นอกจากจะไม่ดูดกลืนแก๊สต่อไปแล้ว ยังปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจากกระบวนการย่อยสลายด้วย และยังมีสัญญาณเตือนจากภัยธรรมชาติอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งหากเราสังเกตดี ๆ จะพบว่าเป็นผลจากสภาวะนี้ไม่น้อย
สรุป ภาวะโลกร้อน เป็นผลงานชิ้นเอกที่มนุษย์ตั้งใจทำขึ้นอย่างไม่รู้ตัว และด้วยปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นโดยฉับพลัน จึงทำให้มนุษย์ไม่อาจสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้ทันที และยังคงดำเนินชีวิตด้วยการทำลายโลกต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่เฉลียวใจเลยว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นการเร่งให้ตนเองเข้าสู่หายนะเร็วขึ้นทุกขณะ ต่อไปนี้เป็นความจริงเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน
เร็วๆนี้ จากการที่ ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ออกมารณรงค์ให้ดับไฟ เพื่อเป็นกลยุทธ์หนึ่ง ในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน แต่เป็นการเริ่มต้น สิ่งต่างๆเหล่านี้ทุกอย่างคงต้องขึ้นกับมวลมนุษย์ชาติต้องมี จริยธรรม และวัฒนธรรมที่ดี พร้อมมีจิตสำนึกที่ดี หากเมืองไทยต้องการที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ เปรียบเหมือนลูกอุกาบาตที่กำลังวิ่งชนตัวเรา เราควรทำอย่างไร?
ไม่มีความเห็น