ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายพูดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงคล้ายแผ่นเสียงตกร่อง คือ การท่องเป็นสูตรว่า “ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข” คือ ความพอประมาณ การมีเหตุมีผล มีภูมิคุ้มกันในตัว บนเงื่อนไขความรอบรู้และคุณธรรม
มาถึงวันนี้ มีการยกตัวอย่างการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ในด้านวิชาการ ก็มีความพยายามจะสังเคราะห์องค์ความรู้เหล่านี้ออกมา
ใน “รายงานการพัฒนาคนของประเทศไทย ปี 2550” ของ UNDP หรือ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาติประจำประเทศไทย เริ่มต้นด้วยการสรุปว่าการพัฒนาคนของประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals) ได้ตามหรือก่อนกำหนดเวลา อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหาเช่น รายได้เฉลี่ยของครัวเรือนต่างกันมาก มีครัวเรือนยากจนเรื้อรังกระจุกตัวอยู่ในหลายจังหวัด บริการของรัฐในที่ต่างๆมีความแตกต่างอย่างมากทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ ภัยพิบัติธรรมชาติรุนแรงขึ้น การอพยพแรงงานของคนชนบท
แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงและการพัฒนาคน เน้นให้คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาและการขยายโอกาสให้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น
แต่แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมีส่วนเพิ่มเติม 2 ประการคือ
1. กระบวนการในการวิเคราะห์สถานการณ์ กำหนดวัตถุประสงค์ วางแผนและตัดสินใจ
2. การให้ความสำคัญต่อการพัฒนาพื้นฐานจิตใจและจิตวิญญาณ
เศรษฐกิจพอเพียงมีความสำคัญในเชิงนโยบายอยู่ 6 ประการ ซึ่งครอบคลุมทุกภาคส่วน
1. การขจัดความยากจนและลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของคนจน
2. การสร้างพลังอำนาจของชุมชนและพัฒนาศักยภาพชุมชนให้เข้มแข็งเพื่อเป็นรากฐานการพัฒนาประเทศ
3. ยกระดับความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัท
4. ปรับปรุงมาตรฐานธรรมาภิบาลในการบริหารงานภาครัฐ
5. สร้างภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบที่จะมีต่อประเทศและปรับปรุงนโยบายต่างๆ
6. ปรับเปลี่ยนค่านิยมและความคิดที่เอื้อต่อการพัฒนาคน มิได้เน้นความถูกต้องเชิงเทคนิคแต่เน้น “การคิดให้ถูก”
ผลสำเร็จในระยะยาวของการพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงขึ้นอยู่กับว่าแนวคิดนี้จะสามารถซึมลึกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของประเทศได้มากน้อยเพียงใด
**********************
และเมื่อถึงการปฏิบัติ โดยส่วนตัวก็ยังเห็นด้วยกับความคิดของพระไพศาล วิสาโล เป็นอย่างยิ่ง ท่านบอกว่า ปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การเป็นเศรษฐกิจพอเพียงนั้น มีสองประการ
ประการแรก คือ ปัจจัยภายใน ได้แก่ จิตใจที่ “ไม่อยากได้มากขึ้นเรื่อยๆ”
ประการที่สอง คือ ปัจจัยภายนอก ได้แก่ปัจจัยทางสังคมแวดล้อมที่จัดเตรียมความจำเป็นขั้นพื้นฐานไว้ให้ และมีความเท่าเทียมกันที่ทำให้ “ไม่จำเป็นต้องมีมาก” เพื่อสร้างความมั่นคงให้ชีวิตตนเอง หรือเพื่อไม่ให้ต่างจากเพื่อน
การเน้นปัจจัยภายในจะยังไม่สำเร็จ จำเป็นต้องมีการสนับสนุนของสังคมเพื่อให้คนมีความมั่นคง จนไม่ต้องสะสมมาก ท่านบอกว่า ครอบครัวที่อ่อนแอ ชุมชนที่อ่อนแอ ไม่สามารถเป็นฐานทางศาสนธรรมที่ลึกซึ้งนำไปสู่ความพอเพียงได้
หากจะนั่งคิดกันดีๆ จะเห็นได้ว่า ในขณะที่ UNDP มองว่า เศรษฐกิจพอเพียงนำไปสู่ชุมชนเข้มแข็ง พระไพศาล บอกว่า ชุมชนเข้มแข็งก็เป็นฐานสำคัญที่จะสร้างสังคมพอเพียง ....
ท่านผู้อ่านคิดอย่างไร ?
เรียนคุณปัมาวดีครับ
ขอบคุณสำหรับเรื่องและข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงครับ ต้นปีนี้ ผมได้ไปอบรมหลักสูตรผู้นำตามแนวพระราชดำริและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจัดโดยคลังสมอง วปอ.เพื่อสังคม เป็นหลักสูตรที่มีคุณค่าและให้ความรู้กับผู้เข้าอบรมมาก จนถึงขณะนี้ อบรมเป็นรุ่นที่ 8 แล้ว นับพันกว่าคน
หลักสูตรนี้ได้สร้างคนรุ่นใหม่ให้เกิดความสำนึกถึงความสำคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นอย่างมาก และหลังการอบรม มีผู้นำไปปฏบัติเป็นจำนวนมาก รายละเอียด ดูได้จากเว็บของคลังสมอง http://www.ndcthinktank.org/ ตัวอย่างหนึ่งก็คือ ผมเอง ได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันตั้งแต่หลังจากอบรมเสร็จ (http://www.polpage.com)
ผมเห็นว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงต้องมาจากปัจเจกบุคคลก่อน คือปฏิบัติเลย ทำไปแล้วจึงจะรู้ เหมือนการปฏิบัติธรรม ไม่ทำไม่รู้ เหมือนการจุดเทียน ต้องการแสงเทียน ไม่จุดเทียนก็ไม่ได้แสงเทียน
ถ้าปัจเจกแต่ละคนนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้กับตัวเอง ก็เจะเกิดผลกับตัวเองเป็นอันดับแรก กับครอบครัวและชุมชนและประเทศในเวลาต่อมา
สิ่งที่ต้องระวังก็คือการเข้าใจว่าการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้คือการอยู่อย่างจนๆ ผมได้ไปเห็นสังคมของต่างประเทศมาหลายประเทศ ที่เข้าเกณท์สังคมเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกันแต่เขาอยู่อย่างมีความสุข ทันสมัยและพอเพียง ความจริงคือการสร้างสมดุลย์ให้กับชีวิตนั่นเอง.....ซึ่งต้องใช้ความรู้เป็นตัวนำ...
โอกาสหน้าอาจจะคุยกันต่อได้ครับ ก่อนจบ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง (คนทำอาจไม่พูดก็ได้)แต่คนพูดต้องทำครับ
ด้วยความปรารถนาดี
ขอบคุณสำหรับข้อมูลและความเห็นที่เป็นประโยชน์มากค่ะ
ดิฉันเห็นด้วยว่า ธรรมะจากภายในและการปฏิบัติจริงด้วยตนเองเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่สุด
แต่ดิฉันยังคิดว่าต้องมีปัจจัยภายนอกช่วยเอื้อด้วย อยากให้รัฐเห็นความสำคัญของการปรับโครงสร้างสังคมให้เป็นธรรมด้วย เพื่อให้ขบวนการปรับเปลี่ยนไปสู่สังคมพอเพียง เป็นไปได้ดีขึ้น เร็วขึ้น
หากมองจากสังคมหลายประเทศ คนไม่อวดร่ำอวดรวย ให้คุณค่ากับชีวิตแบบอื่น ขณะเดียวกันก็มีการเก็บภาษีมรดก มีระบบขนส่งมวลชนที่ไม่ต้องซื้อรถ มีสวัสดิการพื้นฐานที่เพียงพอ มีความมั่นคงในชีวิตเพียงพอ
ในสังคมไทย ชุมชนที่ดูแลกัน ก็ทำให้คนมีความมั่นคงในชีวิตและลดความเห็นแก่ตัวได้
ดิฉันอยากให้ทำทั้งสองส่วนค่ะ จริงๆแล้วคิดว่าสองส่วนมีปฏิสัมพันธ์กันค่ะ
เรื่องนี้ผมก็มีความกังวลเช่นเดียวกับหลายอย่างในเมืองไทยครับ ว่าเรามักจะไปติดกับรูปแบบมากกว่าเนื้อหาสาระ
แม้มองจากมุมของเศรษฐศาสตร์ มุมมองต่อเศรษฐกิจ พอเพียง ก็น่าจะเป็นการทำงานที่ให้ผลลัพท์ไม่แย่ไปกว่าเดิม
ไม่ทราบว่าอาจารย์มีเอกสารรายงานของ UNDP ออนไลน์อยู่ไหมครับ
hardwareมีส่วนสำคัญ โดยเฉพาะภาษีมรดกเพื่อทำให้แต่ละชีวิตเริ่มต้นด้วยทุนที่ไม่ต่างกันมากนักเพราะยังไงก็จบลงด้วยทุนที่เท่ากันตามธรรมชาติคือผืนดินกว้าง1ศอกยาวประมาณ1วา
ผมเคยเขียนบทความลงในมติชนว่าความร่ำรวยที่มาจากความสามารถของบุคคล(ในกรอบของสังคมที่เน้นการกระจายรายได้)เขาควรมีสิทธิ์หาความสำราญ แต่เมื่อตายไป ทรัพย์สินควรตกเป็นของสังคมไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เช่นบริจาคให้สาธารณะหรือเสียภาษีจำนวนมาก ตอนเป็นก็เป็น(ใช้ชีวิต)ให้พอประมาณโดยความช่วยเหลือของรัฐที่วางกรอบควบคุมป้องกันและเอื้อให้เกิดการแบ่งปันทั้งทางภาษีและมาตรการต่างๆ ตอนตายก็ตายให้เป็นคือให้กับสาธารณะเพื่อสร้างความสมดุลของชีวิตและธรรมชาติสำหรับคนที่เหลืออยู่
สำหรับภายในผมเห็นประโยชน์ของการทำจิตภาวนา ซึ่งสังคมของเราสร้างไว้รองรับอยู่ทั่วไป ผมแนะนำสวนโมกข์นานาชาติวันที่19-27ของทุกเดือน เดินเข้าไปลงชื่อรับกุญแจเข้าที่พักได้เลย