เจริญพรผอ.พรชัย
เมื่อช่วงเข้าพรรษาใหม่ๆได้กลับไปที่หนองบัวบ้านเกิด ไปร่วมงานประชุมเครือข่ายครูของจังหวัดนครสวรรค์
กลางคืนไปพักค้างที่วัดในตลาดวัดนี้เคยจำพรรษาเมื่อบวชใหม่ๆ(๒๕๒๓) ได้พบพระบวชใหม่ ซึ่งเป็นคนหนองบัวเรียนจบปริญญาโท นี่อีกไม่กี่วันออกพรรษาแล้ว ท่านก็จะลาสิกขากสึกไปเรียนต่อปริญญาเอกที่กรุงเทพฯ
ท่านเกิดและเติบโตในหนองบัว แต่จากบ้านไปเรียนในเมืองหลวงแต่เด็กๆ กลับมากอีกทีก็จบป.โท และบวชให้พ่อแม่ บวชแล้วพระผู้ใหญ่ในวัดพาออกไปสำรวจชุมชนรอบๆวัดใกล้ๆบ้านท่านนั่นแหละ
ท่านเล่าให้อาตามฟังในวันนั้นว่า เกิดมามีอายุเกือบจะสามสิบปีแล้ว ไม่เคยรู้มาก่อนว่าชุมชนบ้านตัวเอง มีบ้านเรือน ชุมชนใหญ่โต รู้สึกแปลกตาแปลกใจมากเหลือกำลัง
เหมือนไปรู้ไปเห็นอีกโลกหนึ่งเลย นึกไม่ออกว่าสภาพชุมชนบ้านตัวเองมีอะไรบ้าง ท่านบอกว่าตื่นเต้นมากจริงๆ
นั่งฟังท่านเล่าถึงบ้านตัวเองแล้ว มันสะท้อนอะไรหลายอย่างมากๆ ท่านเป็นลูกคนมีฐานะดีในอำเภอ ท่านได้เปรียบคนในอำเภอเดียวกันอีกกว่า๖-๗ หมื่อนคน
อันที่จริงท่านควรจะมีโอกาสดีที่สุดก็ว่าได้ ที่จะเป็นผู้รู้เรื่องราวตัวเอง บ้านตัวเอง ชุมชนของตัว นี่เป็นอันว่าจุดดีของท่าน ก็กลายเป็นจุดด้อยไปเสียแล้ว
ดีที่ท่านเป็นผู้ใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา แล้วโอกาสดีที่ได้กลับมาบ้านแล้วได้บวชระยะยาว(๑พรรษา)
นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งในพบเห็นได้โดยทั่วไปหรือเปล่า ที่พ่อแม่ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ให้ลูกได้เรียนหนังสือมากๆเรียนสูงๆโดยลืมคิดเรื่องฐานชีวิตของบุตรตนว่าควรจะเรียนรู้อะไรบ้าง
ยิ่งช่วงหลังมานี้ พ่อแม่ยิ่งพาลูกออกไปจากถิ่นเกิดไกลไปเรื่อยๆ บางทีไปไกลจนกลับบ้านไม่ถูกเลยก็มี เหตุอย่างนี้หรือเปล่า จึงทำให้เกิดโครงการสำนึกรักถิ่นเกิด สำนึกรักท้องถิ่นกันอย่างมากมายในเวลานี้(ชวนลูกหลานกลับบ้านว่างั้นเถอะ)