วันเดียวกัน (24 พ.ค.49) อ. อ๋อมอ่านบทที่ 3 : Appreciative Inquiry in Organizational Life
อาจารย์ประพนธ์ขึ้นต้นไว้แล้วว่าหนังสือเล่มนี้เขียนแบบนักวิชาการ อ่านยาก น่าเบื่อ อาจารย์อ๋อมรับลูกทันทีว่าบทที่ 3 ยิ่งยาวและอ่านยากกว่า
วันนี้ (29 พ.ค.49) ผมถาม อ. ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ ว่าหนังสือเกี่ยวกับ Appreciative Inquiry มีเป็น 10 เล่มใช่ไหม ท่านตอบว่าใช่ ผมถามว่าเล่มที่ใครแต่งดีที่สุด ท่านบอกว่าต้องเล่มที่มีชื่อ David Cooperrider เพราะลึกดี เนื่องจากได้ความรู้จากการทำวิจัย
ก็เล่มที่เรากำลังช่วยกันแกะนี่แหละมี David Cooperrider เป็น editor ชื่อแรก และบทที่ 3 นี้ก็เขียนโดย David Cooperrider คู่กับ Suresh Srivastva
ผมจะตีความบทนี้มาเล่า โดยตีความแบบคนที่ไม่มีความรู้พื้นฐานทางสังคมศาสตร์ ศัพท์แสงที่ใช้ตามความเข้าใจของผมคงจะไม่ถูกต้อง หวังว่าผู้รู้ทางสังคมศาสตร์จะเข้ามาช่วยแก้ไขตกเติมนะครับ
สาระสำคัญของบทนี้มี 3 ประการ
1. ทฤษฎีสร้างความรู้ (Generative Theory)
2. การก่อเกิดองค์กร (Organizing)
3. Action Research แนว AI
ทฤษฎีสร้างความรู้ (Generative Theory)
หนังสือบทนี้เปรียบเทียบทฤษฎีสร้างความรู้ทางสังคมศาสตร์ 2 ทฤษฎีคือ (1) Logical Empiricism กับ (2) Socio - Rationalism ใน 10 ประการ ดังนี้
ลักษณะ |
Logical Empiricism |
Socio - Rationalism |
1. บทบาทหลัก | เพิ่มความเข้าใจ การคาดคะเนและการเข้าไปควบคุม โดยพัฒนาขึ้นเป็นกฎหรือหลักการที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยที่เกี่ยวข้องกับปรากฎการณ์นั้น | เพิ่มความเข้าใจโดยให้ความหมายของสิ่งต่าง ๆ จึงเป็นการใช้แนวคิด (concept) สร้างสถานะให้แก่สิ่งนั้น ๆ เป็นการมองว่าสังคมศาสตร์เป็นเครื่องมือขยายทางเลือกและความยืดหยุ่นในวิวิฒนาการทางวัฒนธรรม |
2. ทฤษฎีเกี่ยวกับความรู้และจิตใจ (mind) | ความรู้อยู่นอกใจ มองว่าความรู้เป็นสัจจะที่มีอยู่ในโลก จิตใจเป็นกระจกสะท้อนสิ่งนั้นออกมา | ความรู้อยู่ในใจ จิตใจที่ตีความสิ่งที่พบเห็นหรือปรากฎการณ์ต่าง ๆ เป็นผู้สร้างความรู้ ใจเป็นทั้งกระจกและตะเกียง |
3. มิติด้านเวลา | อกาลิโก เน้นค้นหาหลักการที่เป็นจริงข้ามกาลเวลา | ความหมายของสิ่งต่าง ๆ ผูกพันอยู่กับประวัติ ศาสตร์และบริบท ความรู้ความเข้าใจเป็นชุดเป็นระบบเกิดจากการให้ความหมายโดยมนุษย์ |
4. ความมั่นคงถาวรของรูปแบบทางสังคม | ปรากฎการณ์ทางสังคมมีความมั่นคง ถาวร เชื่อถือได้และสร้างซ้ำได้ จึงสามารถกำหนดเป็นกฎหรือหลักการได้ | ระบบทางสังคมมีธรรมชาติ "ไม่เที่ยง" (unstable) ปรากฎการณ์ต่าง ๆ ทางสังคมเดินตามผัสสะและความระลึกรู้ของมนุษย์ จำกัดอยู่แค่ระดับจินตนาการของมนุษย์ ดังนั้น ระบบทางสังคมจึงอาจมิได้อสงไขยรูปแบบ โดยขึ้นอยู่กับแนวคิดและการปฏิบัติ (ideas & action) |
5. มุมมองด้านคุณค่า | แยกความจริง (fact) กับคุณค่า (value) ออกจากกัน ทำให้มีความรู้ที่เป็นรูปธรรม (objective knowledge) ที่สร้างโดยการเฝ้าสังเกตพฤติกรรม | สังคมศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ใช้รูปธรรม (เป็นนามธรรม) ปรากฎการณ์ใด ๆ ก็ตามเปิดโอกาสให้ตีความได้หลากหลายอย่าง (นับไม่ถ้วน) การตีความแต่ละแบบเป็นการส่องดูผ่านแว่นวัฒนธรรม ไม่มีคำอธิบายใดที่ปลอดจากการใส่ความหมายของตนเองลงไป (There is no description without prescription.) |
6. ด้านดีของทฤษฎี | เป็นอกาลิโก เป็นจริงในทุกเวลาของประวัติศาสตร์ จับต้องได้ | เปิดโอกาสให้สังคมได้สร้างนวัตกรรมทางสังคม เปิดโอกาสเพื่อปฏิบัติการแนวใหม่ ขยายขอบฟ้าของ "ความเป็นไปได้" |
7. เกณฑ์สำหรับตรวจสอบทฤษฎี | ความเป็นเหตุเป็นผล ความสามารถในการทำนาย อาจถูกพิสูจน์ว่าผิดได้ | มีพลังจูงใจ พลังสร้างสรรค์สูง ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของชุมชน ความจริงขึ้นอยู่กับชุมชนผู้สร้างความจริงนั้น |
8. บทบาทของนักวิจัย/นักสังคมศาสตร์ | เป็น "ผู้ดู" อยู่นอกเหตุการณ์และไม่เข้าไปคลุกอยู่ในเหตุการณ์นั้น ยอมรับสภาพความเป็นจริงของเหตุการณ์โดยไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง | เป็นผู้เข้าร่วมตะลุมบอนอยู่ในเหตุการณ์หรือร่วมกิจกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีบทบาทนำเอาทฤษฎีทางวิชาการ ภาษาทางวิชาการเข้าไปในวงสนทนา เพื่อร่วมกันสร้างความหมายจากกิจกรรม |
9. ผลผลิตหลักของการวิจัย | การสั่งสมความรู้ที่เป็นรูปธรรมผ่านสมมติฐานที่ได้รับการพิสูจน์โดยข้อมูล | การพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของขีดความสามารถในการสร้างทฤษฎี มีขีดความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการสร้างถ้อยคำเชิงทฤษฎี |
10. จุดเน้นในการพัฒนานักสังคมศาสตร์ | วิธีการทดลอง การวิเคราะห์เชิงสถิติ ฝึกอบรมด้านวิธีวิทยา | วิธีการตีความ วิธีการเสนอทฤษฎีเพื่อกระตุ้นการถกเถียง เน้นจินตนาการในการเสนอทฤษฎีโดยใช้มโนภาพต่อสังคมในด้านดี |
ผมสรุปกับตัวเองว่า AI เอียงไปทางทฤษฎี Socio - Rationalism แต่ใน KM เราต้องไม่ยึดหลัก either-or แต่ยึดหลัก both-and คือใช้มันทั้งสองทฤษฎี ทั้งแนว "หลักมั่น พิสูจน์ได้" ของ Logical Empiricism และแนว "เคลื่อนพลวัตด้วยจินตนาการที่ไม่มีวันสิ้นสุด" ของ Socio - Rationalism
โปรดอ่านต่อตอนที่ 4
วิจารณ์ พานิช
30 พ.ค.49
ไม่มีความเห็น